1 พฤศจิกายน 2561 – AIS ประกาศผลประกอบการช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2561 มีรายได้รวม125,271 ล้านบาท เติบโตขึ้น 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องด้วยอัตราการใช้งาน 4G ที่เพิ่มขึ้น จำนวนลูกค้า AIS Fibre ที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการรวมธุรกิจ CSL ที่ให้บริการลูกค้าองค์กร ทำให้มีกำไรสุทธิ 22,843 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2.1% จากปีก่อน พร้อมมุ่งมั่นเสริมศักยภาพเครือข่ายและแบรนด์หลังจากได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1800MHz เพิ่มขึ้น รวมเป็นปริมาณคลื่นที่สามารถให้บริการ 4G ได้สูงสุดเต็มประสิทธิภาพ
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “สำหรับภาพรวมในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2561 รายได้รวมของ AIS ยังคงเติบโตขึ้น 7.5% จากปีก่อน ทั้งนี้ ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เติบโต 1.4% หลังตลาดโดยรวมมีการชะลอการเติบโตจากการแข่งขันด้านราคา โดยเฉพาะในแพ็กเกจรูปแบบการใช้งานไม่จำกัดด้วยความเร็วคงที่ (fixed–speed unlimited) ทั้งนี้ ในไตรมาสนี้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 552,300 เลขหมาย การใช้งานดาต้าของลูกค้าเฉลี่ยยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 10 กิกะไบต์ต่อเดือน และอัตราการใช้งาน 4G ขยายตัวมาอยู่ที่ 57% ของลูกค้ารวม อีกทั้งล่าสุด AIS ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Jaymart เพื่อขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าที่จะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันของ AIS ในอนาคต พร้อมทำการตลาดอย่างต่อเนื่องและเปิดให้บริการ 4G บนคลื่นความถี่ 1800MHz ที่มีความกว้างถึง 40MHz (Super Block) เพียงรายเดียวซึ่งช่วยให้ 4G มีความเร็วเพิ่มขึ้นถึง 15–30%
ธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน AIS Fibre ยังคงมีรายได้เติบโต 48% เทียบกับช่วงเก้าเดือนของปีก่อน จากฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 676,700 ราย ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ โดยยังคงมีเป้าหมายหลักในการเป็นผู้ให้บริการรายสำคัญในอีก 2–3 ปี พร้อมเน้นการหาลูกค้าที่มีคุณภาพด้วยความแตกต่างด้านเทคโนโลยีไฟเบอร์แท้ (Pure Fibre) และเน้นสร้างความแตกต่างด้วยการผนวกรวมบริการที่หลากหลายในธุรกิจของ AISทั้งอินเทอร์เน็ตบ้าน โทรศัพท์เคลื่อนที่ และดิจิทัลคอนเทนต์
นอกจากนี้ AIS ยังคงวางรากฐานในธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิสเพื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อให้บริการดิจิทัลกับทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไปและกลุ่มลูกค้าองค์กร ล่าสุดได้ร่วมกับ Singtel และธนาคารกสิกรไทยเปิดตัวเครือข่ายชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือข้ามประเทศภายใต้ชื่อ VIA ให้ลูกค้าคนไทยและสิงคโปร์สามารถชำระเงินด้วย QR Code ผ่านทางกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนมือถือในแอป AIS GLOBAL Pay ผ่านร้านค้าของทั้งสองประเทศรวมจำนวนมากกว่า 1.6 ล้านร้านค้าช่วยให้การใช้จ่ายเงินมีความคล่องตัวและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
“การรักษาความแข่งแกร่งทั้งในเชิงการเงิน และการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญยิ่งโดยเฉพาะในยุคที่ธุรกิจต้องเผชิญความท้าทายกับ Digital Transformation AIS ยังคงเป็นบริษัทที่มีผลกำไรสุทธิกว่า 22,843ล้านบาทในช่วงเก้าเดือนที่ผ่านมา หรือกว่า6,800 ล้านบาทในไตรมาสนี้ และมีความพร้อมต่อการลงทุนเพื่ออนาคต รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาบริการด้านดิจิทัล ปรับระบบการดำเนินงานในเป็นดิจิทัล และการยกระดับคุณภาพของพนักงาน AIS รวมทั้งสังคมไทย ผ่านการผลักดันของ AIS ACADEMY และ ACADEMY for THAIs พร้อมเป็นศูนย์กลางประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และถ่ายทอดประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลให้คนไทยได้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน” นายสมชัย กล่าวสรุป