กลุ่มทรู รายงานผลกำไรต่อเนื่องในไตรมาส 3 ปี 2561

 

กรุงเทพฯ 14 พฤศจิกายน 2561 – บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (SET: TRUE) รายงานผลกำไรจำนวน 385 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2561 หนุนโดยรายได้จากการให้บริการกลุ่มธุรกิจหลักทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงในอัตราเลขสองหลักเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของ
ปีก่อน

 

ผลการดำเนินงานของกลุ่มทรูปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 3 ปี 2561 จากรายได้จากการบริการที่เติบโตสูงถึง 2.63 หมื่นล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ปีก่อนหน้าในอัตราร้อยละ 7.3หรือ หากไม่รวมรายได้จากสัมปทานโทรศัพท์พื้นฐาน จะเติบโตร้อยละ 10.3 เป็นผลจากการเติบโตของทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต ขณะที่ยังคงควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากไมรวมธุรกรรมการขายสินทรัพย์ให้แก่ DIF แล้ว EBITDA เติบโตร้อยละ 13.9 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็น 1.02 หมื่นล้านบาท และมีอัตรากำไร EBITDA margin เพิ่มขึ้นสู่ร้อยละ 38.4 ในไตรมาส 3 ปี 2561 เทียบกับร้อยละ 36.5 ในไตรมาส 3 ปี 2560 โดยกำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมากเป็น 385 ล้านบาท เมื่อเทียบกับขาดทุน 691 ล้านบาทในไตรมาส 3 ของปีก่อน

 

นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) กล่าวว่า กลุ่มทรู ยังคงรายงานผลกำไรสุทธิและ กำไรที่เพิ่มขึ้นากการดำเนินงานในกลุ่มธุรกิจหลักได้อย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา อันเป็นผลจากรายได้จากการให้บริการที่เติบโตเข้มแข็ง ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดและความทุ่มเทในการยกระดับคุณภาพโครงข่ายและมาตรฐานการให้บริการ ควบคู่ไปกับมาตรการบริหารต้นทุนที่เห็นผลชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในไตรมาส 3 ปี 2561 นี้ ทรูมูฟ เอช มีผลการดำเนินการที่เติบโตโดดเด่น โดยมีรายได้จากการให้บริการที่กลับมาเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในระดับสองหลักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และยังคงเติบโตเหนืออุตสาหกรรมโดยรวมต่อไป ทำให้ส่วนแบ่งตลาดด้านรายได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 28.9 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งตลาดที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2560 ขณะเดียวกันการขยายโครงข่ายไฟเบอร์และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต 1 Gbps ยังคงขับเคลื่อนการเติบโตแข็งแกร่งของบริการบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต โดยทั้งรายได้และฐานลูกค้าของทรูออนไลน์ เพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลักเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อน ด้วยจุดแข็งของกลุ่มทรูในด้านเครือข่ายคุณภาพสูง คอนเวอร์เจนซ์ คอนเทนต์และผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่หลากหลาย รวมถึงแคมเปญสิทธิพิเศษที่เน้นสิทธิประโยชน์จากการเป็นลูกค้าระยะยาวของกลุ่มทรู ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถรายงานผลกำไรที่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

 

ดร. กิตติณัฐ ทีคะวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) กล่าวว่า ไตรมาส 3 ที่ผ่านมานี้ นับเป็นไตรมาสที่ผลการดำเนินงานของกลุ่มทรูเติบโตแข็งแกร่งอย่างชัดเจน โดยมีรายได้และผลกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นสูงสุด ตอกย้ำการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงของกลุ่มทรู ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเราสามารถเจาะการขายเข้าไปในพื้นที่ที่เราเคยมีส่วนแบ่งตลาดน้อย ซึ่งยังมีโอกาสที่จะดึงลูกค้าใหม่เข้ามาได้อีกมาก ภายหลังจากที่ทรูมูฟ เอชได้พัฒนาเครือข่ายเพิ่มความหนาแน่นของสัญญาณในพื้นที่ดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี ขณะเดียวกันการเดินหน้ายกระดับโครงข่ายไฟเบอร์ บรอดแบนด์และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต 1 Gbps ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากตลาด เสริมความแข็งแกร่งรักษาความเป็นผู้นำบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ตของทรูออนไลน์ นอกจากนี้ แคมเปญด้านการตลาดระดับภูมิภาคที่มีความพร้อมทั้งทีมงานและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดนั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง นับเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เราเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีกมาก เรามีความเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มทรู จะสามารถเติบโตเข้มแข็งได้อย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าจะยิ่งได้สัมผัสประสบการณ์การใช้บริการที่ดียิ่งขึ้น ขณะที่สิทธิประโยชน์หลากหลาย เช่น ทรูไอดีและทรูพอยท์ จะช่วยเพิ่มความผูกพันของลูกค้าต่อสินค้าและบริการภายใต้กลุ่มทรูมากยิ่งขึ้น”

 

ทรูมูฟ เอช ยังคงเติบโตเหนืออุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาส 3 ปี 2561 ด้วยรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 จากไตรมาส 3 ปีก่อนหน้า และร้อยละ 2.7 จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 1.89 หมื่นล้านบาท สวนกับทิศทางรายได้ที่ลดลงของผู้ให้บริการรายใหญ่รายอื่นในอุตสาหกรรม โดยไตรมาสนี้นับเป็นไตรมาสที่ 26 ติดต่อกัน ที่รายได้จากการให้บริการของทรูมูฟ เอชเติบโตจากปีก่อนหน้าได้มากกว่าอุตสาหกรรม ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดด้านรายได้ของทรูมูฟ เอช เพิ่มขึ้นสูงสุดใน 6 ไตรมาสหลังสุดเป็นร้อยละ 28.9 อันเป็นผลจากการมุ่งพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายและแคมเปญการตลาดเจาะในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงการเสริมความแข็งแกร่งผ่านความร่วมมือทั้งภายในกลุ่มทรูและพันธมิตรทางธุรกิจ ในไตรมาส 3 ปี 2561 ทรูมูฟ เอมีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิประมาณ 678 แสนราย ส่งผลให้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 28.8 ล้านราย

 

ทรูออนไลน์ คงความเป็นผู้นำในตลาดบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต ผ่านโครงข่ายไฟเบอร์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศและแพ็กเกจคุ้มค่า โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต 1 Gbps ด้วยราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น พร้อมผสานสินค้า บริการ และสิทธิพิเศษหลากหลายภายใต้กลุ่มทรูได้อย่างลงตัว โดยในไตรมาส 3 ปี 2561 ทรูออนไลน์ มีจำนวนลูกค้าบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นสุทธิประมาณ 7.6 หมื่นราย ขยายฐานลูกค้าเป็น 3.4ล้านราย ส่งผลให้รายได้บรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ตโดยรวมเติบโตร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 6.5 พันล้านบาท นอกจากนี้ ผลตอบรับที่ดีจากการรุกเจาะตลาดกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และนักเล่นเกม ทำให้เพิ่มโอกาสและศักยภาพ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์อื่นและเพิ่มยอดขายให้มีมูลค่าสูงขึ้นได้เป็นอย่างดี

 

รายได้จากการให้บริการของทรูวิชั่นส์ เติบโตร้อยละ 15.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 3.5 พันล้านบาทใน            ไตรมาส 3 ปี 2561 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ผ่านช่องทางที่หลากหลายของกลุ่มทรู โดยทรูวิชั่นส์ ยังคงให้ความสำคัญกับการคัดสรรและผลิตคอนเทนต์ให้ตรงตามความชอบและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ขณะเดียวกันคอนเทนต์คุณภาพเหล่านี้สามารถรับชมผ่านช่องทางที่หลากหลาย ได้แก่ แพลตฟอร์มคอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรู รวมถึงพันธมิตรในประเทศและต่างประเทศ เป็นการสร้างโอกาสในการเติบโตของรายได้ให้กับกลุ่ม ทั้งนี้ ฐานลูกค้ารวมของทรูวิชั่นส์เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 4 ล้านราย
ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2561

 

หมายเหตุ: ผลกระทบจากการทำธุรกรรมกับ DIF หมายถึงผลกระทบจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน DIF ในปี 2560 และ 2561

ภาษี และอื่นๆ ส่วนใหญ่ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอตัดบัญชีและรายได้ที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมกับ DIF รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานปกติ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการด้อยค่าสินทรัพย์ในไตรมาส 2 และรายได้ภาษีเงินได้และกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในไตรมาส 3 ปี 2561

Comments

comments