(21 ธันวาคม พ.ศ.2561) – “ดีแทค”ผนึก 4 กระทรวงหลัก ประกาศความสำเร็จสร้างครูดิจิทัล 1 ล้านคน ดันร้านค้าชุมชนสู่ออนไลน์กว่า 340,000 ราย พร้อมขยายโมเดล “ชุมชนต้นแบบเน็ตอาสาประชารัฐ” ปูพรมสู่ประเทศไทย 4.0 เต็มรูปแบบ
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปฏิบัติภารกิจแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาลภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ปัจจุบันได้เข้าสู่ระยะที่ 2 หรือ Digital Thailand Inclusion ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของประเทศเพื่อสร้างเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลตามแนวทางประชารัฐ โดยหนึ่งในหัวข้อที่สำคัญคือการส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและข้อมูล (Digital literacy) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตสินค้าและบริการ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนในการเป็นกำลังสำคัญ เพื่อให้ความรู้ในการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์อย่างทั่วถึง
ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ร่วมมือกับดีแทคในการส่งเสริมให้เกิด “ชุมชนต้นแบบเน็ตอาสาประชารัฐ” ซึ่งเป็นโมเดลสังคมดิจิทัลในระดับชุมชน ที่กระตุ้นให้เกิดการรวมกลุ่มของชาวบ้านเป็นวิสาหกิจชุมชน และใช้ช่องทางออนไลน์ในการเพิ่มรายได้ ใช้หลักการตลาดนำการผลิต ซึ่งจากความร่วมมือภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 2 ฉบับที่เกิดขึ้นระหว่างดีแทคและ 4 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ผลิตครูดิจิทัลแล้วจำนวนกว่า 1 ล้านราย และผลักดันร้านค้าชุมชนสู่ออนไลน์แล้วกว่า 340,000 ราย
ปัจจุบัน กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดจากเทคโนโลยีดิจิทัลได้สร้างมูลทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วน 2.7% ของจีดีพี และเพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ การขยายโมเดล“ชุมชนต้นแบบเน็ตอาสาประชารัฐ” จึงเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันอย่างแนบแน่น
นางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล (Digital divide) หรือความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงและการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการสร้างโอกาสและทำกิจกรรมต่างๆ เป็นปรากฏการณ์ที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
สำหรับประเทศไทยนั้น ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลทางด้านการเข้าถึง (Accessibility) ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสมาคมจีเอสเอ็มระบุว่า ปัจจุบันการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่สูงถึง 62% ของจำนวนประชากร และมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยมีปัจจัยส่งเสริมจากนโยบายเน็ตประชารัฐของรัฐบาล ซึ่งตั้งเป้าหมายในการนำอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้าสู่หมู่บ้านมากกว่า 29,000 แห่งทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลในด้านทักษะและความรู้การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital literacy gap) ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไทยยังมีอยู่สูง โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์เพื่อการค้าออนไลน์ (Digital commerce)
ทั้งนี้ ความร่วมมือที่เกิดระหว่างดีแทคและ 4 กระทรวงหลักในการขยายโมเดล “ชุมชนต้นแบบเน็ตอาสาประชารัฐ” จะช่วยทำให้การเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยในปี พ.ศ.2562 ดีแทคมีแผนในการขยายความร่วมมือกับกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขายออนไลน์ และต่อยอดการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สวยงามและมีคุณภาพยิ่งขึ้น
“ทักษะและความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลหรือ Digital literacy ถือเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมดิจิทัล เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทุกกลุ่มชน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังดีแทคในฐานะผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต มุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีดิจิทัล ตลอดจนความรู้ความเชี่ยวชาญ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพสังคมตามวิสัยทัศน์Empowering societies โดยผนึกภาคีภาครัฐในการลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล เพื่อให้สอดรับกับโครงการนโยบายประชารัฐของรัฐบาลและกรอบการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติหรือ UN SDG ข้อที่ 10 ที่ว่าด้วยเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ” นางอเล็กซานดรากล่าว
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลแก่ชุมชนทั่วไทย ซึ่งเป็นรากฐานในการเคลื่อนสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ดีแทค จึงได้ร่วมมือกับ 4 กระทรวงฯ ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการจัดงาน “ดีมา Get ดี Market” ซึ่งรวบรวมร้านค้าออนไลน์ต้นแบบจากทั่วประเทศจำนวนกว่า 40 ราย มาจัดแสดงออกบูธ เพื่อเป็นโอกาสให้บุคคลที่สนใจเรียนรู้ พัฒนาและต่อยอด ขยายโมเดลชุมชนดิจิทัลไปยังทั่วประเทศ
ทั้งนี้ งาน “ดีมา Get ดี Market” จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 21-23 ธันวาคม พ.ศ.2561 ณ ลานกิจกรรมสยามสแควร์วัน ตั้งแต่ เวลา 10.00-20.00 น. โดยมีกิจกรรมให้ความรู้และการแสดงตลอดงาน พร้อมส่งเสริมใช้จ่ายด้วยเงินดิจิทัล
ในการนี้ ยังได้มีการมอบรางวัลสินค้าออนไลน์ โดยการคัดเลือกจากตัวแทนของ 4 กระทรวงฯ โดยมีผลดังนี้
- รางวัลสุดยอดสินค้าชุมชนออนไลน์ระดับประเทศ
ปูไข่ดอง คลองขลุง – ปูไข่พรีเมี่ยม ตัวใหญ่ไข่แน่น ดองด้วยน้ำปลาสูตรพิเศษ
- รางวัลสุดยอดสินค้าชุมชนออนไลน์ระดับภาค
ภาคเหนือ Sapawalaiphan งานผ้าปักมือ ชิ้นเดียวในโลก
ภาคกลาง น้ำพริกบ้านทนาย
ภาคอีสาน พิชญา ขนมนวัตกรรม 4.0 ขนมเปี๊ยะสด บำรุงหัวใจ ลดไขมันในเส้นเลือด
ภาคใต้ สวนลุงสุนทร
- รางวัลต้นแบบสินค้าตามศาสตร์พระราชาออนไลน์
กล้วยพรจากแม่ วังกะพี้ ข้าวเหนียวสังขยาหน้าตาโดดเด่น จากภูมิปัญญาของชาวไทยทรงดำ
- รางวัลต้นแบบสินค้าเน็ตประชารัฐออนไลน์
ข้าวเหนียวหน้าควายลุย กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านอินเตอร์
- รางวัลต้นแบบสินค้าชุมชนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ออนไลน์
หมาขายหมึก ปลาหมึกย่าง สด อร่อย พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด
- รางวัลต้นแบบสินค้าหัตถกรรมในชุมชนท้องถิ่นออนไลน์
ผ้าไหมป้ามะลิ ผ้าซิ่นตีนแดง และผ้าพันคอริมแดง เอกลักษณ์และความโดดเด่นของบุรีรัมย์
- รางวัลต้นแบบสินค้าศูนย์ดิจิทัลชุมชนออนไลน์
ข้าวหอมมะลิ Donwai ข้าวดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ ปลูกแบบไร้สารเคมีทุกขั้นตอน
- รางวัลต้นแบบสินค้าหัตถกรรมในชุมชนท้องถิ่นออนไลน์
บ้านพี่หลวงจักสาน สินค้าจักสานลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ยกระดับสู่ร้านค้าออนไลน์