กลุ่มทรู เตรียมเปิดขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2562 ปลายเดือนมกราคม 2562 มอบผลตอบแทนคุ้มค่า อีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุนเพื่ออนาคต
กลุ่มทรู มั่นใจการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย พร้อมร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เตรียมออกหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2562 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ปลายเดือนมกราคม 2562 โดยหุ้นกู้ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ระหว่าง [4.00-4.15]%ต่อปี จะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน และหุ้นกู้ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด หรือ TUC อายุ 2 ปี และอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ระหว่าง [3.60-3.80]%ต่อปี และ [5.00-5.15]%ต่อปี ตามลำดับ จะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนรายใหญ่และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ กำหนดวงเงินจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคุณครั้งละ 100,000 บาท ทั้งนี้หุ้นกู้ TRUE และ TUC ได้รับการจัดอันดับจากทริสเรทติ้งที่ “BBB+” และแนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมแต่งตั้ง ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย ซึ่งเงินดังกล่าวจะนำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และ/หรือเพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท
นายวิลเลี่ยม แฮริส หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มทรู เตรียมเดินหน้าสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย ตอกย้ำความเป็นผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมครบวงจรเพื่อยกระดับดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้บริการชาวไทย เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2562 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด หรือ TUC ในเดือนมกราคม 2562 ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุน โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 บริษัท ได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้งว่ามีระดับความน่าเชื่อถือที่ BBB+ และแนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนยังไม่มีผลบังคับ เนื่องจากอยู่ระหว่างยื่นขออนุญาตต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และบริษัทคาดว่าสำนักงาน ก.ล.ต. จะประกาศให้แบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2562 ก่อนการเสนอขายผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย โดยได้แต่งตั้งธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
นายวิลเลี่ยม กล่าวเพิ่มเติมว่า เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ จะนำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท เพื่อรองรับการขยายการลงทุนในการดำเนินธุรกิจของทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่มีการขยายตัวทั้งในด้านรายได้และฐานลูกค้า ซึ่งการจัดอันดับเครดิตของทริสเรทติ้งสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่ครบวงจรด้วยการมีเครือข่ายที่ครอบคลุมทั้งในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต และได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทฯ คือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ China Mobile ที่จะทำให้บริษัทเติบโตเข้มแข็งได้อย่างต่อเนื่อง
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 5 แห่ง ได้แก่