ดร.กษิติธร ภูภราดัย รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวถึง “การสำรวจข้อมูลอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ และอุตสาหกรรมบริการดิจิทัลในประเทศไทยประจำปี 2560” ว่าทิศทางแนวโน้มที่สรุปได้จากการสำรวจนี้ จะสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการตัดสินใจวางแผน และรับมือการเปลี่ยนแปลง ที่เป็นผลมาจาก digital disruptive technologies ได้เป็นอย่างดี จากการสำรวจพบว่า ตลาดฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะปี 2560 โดยภาพรวมมีมูลค่า 294,542 ล้านบาท อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ยังเติบโตต่อเนื่อง ในปี 2561-2562 ประมาณร้อยละ 3-5 เพราะฮาร์ดแวร์เป็นสิ่งจำเป็นของการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตยุคใหม่ และการสำรวจปีนี้เป็นปีแรกที่มีการสำรวจอุตสาหกรรมอุปกรณ์อัจฉริยะ (smart device) ซึ่งเป็นแนวโน้มใหม่ที่ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไปให้ความสนใจทดลองใช้งาน มีความเป็นไปได้ที่ปี 2562 จะนำไปสู่การใช้งานจริงของภาคธุรกิจ ที่ต้องปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงของการทำธุรกิจยุคใหม่ที่เกี่ยวโยงกับทั่วโลก โดยมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนสำคัญรองรับความเปลี่ยนแปลงนั้น แต่ในส่วนของผู้พัฒนาและผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะ หรืออุปกรณ์ไอโอทีมีน้อยราย เพราะสู้กับการพัฒนาครบวงจรของผู้ประกอบการจากประเทศจีนไม่ได้ ต้องผันตัวไปนำเข้าอุปกรณ์และพัฒนาซอฟต์แวร์สั่งการอุปกรณ์เหล่านั้น และ/หรือทำหน้าที่เป็นเอสไอ
มูลค่าตลาดซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ ปี 2560 มีมูลค่าการบริโภคซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ 78,818 ล้านบาท โดยเติบโตจากปี 2559 ร้อยละ 1.6โดยคาดการณ์ว่าปี 2561 และ 2562 ตลาดการบริโภคซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ จะเติบโตร้อยละ 15.19และ 17.5 ตามลำดับ อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์โดยรวมมีการเติบโตจากปีก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการด้านไอทีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ได้รับอานิสงส์จาก 4 ปัจจัยคือ 1. การทรานฟอร์มธุรกิจไปสู่ดิจิทัลของภาคธุรกิจต่าง ๆ จากนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล 2. การปรับตัวของผู้ประกอบการที่มุ่งไปสู่การสร้างโอกาสจากเทคโนโลยีใหม่ เช่น Cloud, Big Data, AI, Blockchain, IoT 3. ความพยายามในการสร้างซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มที่เป็นทรัพย์สินของตนเอง และ 4. การเกิดธุรกิจใหม่และผู้ประกอบการรายใหม่ ที่แม้จะยังมีขนาดเล็กแต่มีแนวโน้มที่ดี
รายได้ของผู้ประกอบการด้านบริการดิจิทัลในประเทศ ปี 2560 มีมูลค่ารวม 36,326 ล้านบาท บริการด้านการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) รายได้รวม 11,356,335,631 บาท ในส่วนของกลุ่มบริการด้านเนื้อหา (e-Content) และบริการด้านสื่อบันเทิง (e-Entertainment) เป็นกลุ่มที่มีผู้ใช้งานสูงสุดจากการวัดด้วยจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ โดย e-Content มีปริมาณการเข้าเว็บไซต์ต่อเดือน 1,896 ล้านครั้ง และ e-Entertainment ปริมาณการเข้าเว็บไซต์ต่อเดือน 558 ล้านครั้ง
รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการ สถาบันไอเอ็มซีกล่าวถึงข้อเสนอแนะต่อภาครัฐเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากร ว่าการแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรควรดำเนินการในระดับนโยบายหรือเป็นวาระแห่งชาติ ปลูกฝังให้เรียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ปฐมวัย มีการเรียนการสอนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในระดับมัธยมและอาชีวะ ในระดับอุดมศึกษา ควรปรับหลักสูตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่เมื่อแนวโน้มมีการเปลี่ยนแปลง บ่มเพาะความรู้เฉพาะทางให้แก่นักศึกษาก่อนจบให้พร้อมทำงาน พัฒนาบุคลากรนอกระบบการศึกษา ให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ต่อผู้ประกอบการ มีนโยบายให้การสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมบนเทคโนโลยีใหม่ หาช่องทางการตลาด วางแนวทางการเติบโต เพื่อเปิดโอกาสในการขยายออกสู่การตลาดวงกว้างต่อไป
การสำรวจมูลค่าตลาดดิจิทัลไทย 3 อุตสาหกรรม รวมถึงการคาดการณ์ปี 2561-2562 เหล่านี้เป็นภาพรวมตลาดของไทย ซึ่งตอกย้ำว่าทุกอุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในยุคเปลี่ยนผ่านดิจิทัล (Digital Transformation) โดยพบประเด็นสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมมีการเติบโตขึ้น คือ กระแสของการใช้ดิจิทัลในทุกอุตสาหกรรม ทุกภาคบริการ และมีแนวโน้มอัตราการใช้ดิจิทัลเติบโตขึ้นในทุกภาคส่วน ทั้ง Social Platform, Cashless Society, Blockchain, Chat Bot, Programmatic และคลิปวิดีโอรวมถึง ภาพ 3D, Augmented Reality, และ Virtual Reality ที่จะเป็นสื่อที่มีความสำคัญมากขึ้น ในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ และงานสาธิตสินค้า ภาครัฐ และเอกชน จึงต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก รวมถึงบุคลากรที่ต้องเร่งพัฒนาทักษะให้ก้าวทันเทคโนโลยี เพราะโลกยุคดิจิทัลเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในไทยได้อย่างเสรี และมีความได้เปรียบเหนือธุรกิจไทยทั้งในด้านเทคโนโลยี ทักษะบุคลากร เงินทุน และกฎระเบียบที่เอื้อหนุนต่อธุรกิจในโลกดิจิทัล โดยผลการสำรวจในครั้งนี้ จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเนื้อหาการสำรวจในครั้งต่อไปแน่นอน
ดูรายละเอียดด้านข้อมูลและการวิจัยเพิ่มเติมได้ที่ www.depa.or.th/depapulse
Factsheet
“ผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ และอุตสาหกรรมบริการด้านดิจิทัล ปี 2560 คาดการณ์ปี 2561-2562”
• อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ (Software)
มูลค่าตลาดซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ ปี 2560 มีมูลค่าการบริโภคซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ 78,818 ล้านบาท โดยเติบโตจากปี 2559 ร้อยละ 1.6 เป็นผลมาจากเป็นช่วงขาขึ้นของอุตสาหกรรมไอทีหลังจากที่ชะลอตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เหตุผลที่สถิติในตลาดนี้ดีขึ้นเพราะผู้ประกอบการมีการปรับตัวต่อการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับกระแสของเทคโนโลยีใหม่ เช่น Cloud, Big Data ฯลฯ และภาคธุรกิจมีการตื่นตัวเรื่องการทรานส์ฟอร์มองค์กรไปสู่ดิจิทัล ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล โดยคาดการณ์ว่าปี 2561 และ 2562 ตลาดการบริโภคซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ จะเติบโตร้อยละ 15.19 และ 17.5 ตามลำดับ
ด้านการส่งออกซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ในปี 2560 พบว่ามีมูลค่าการส่งออกรวม 3,619 ล้านบาท ลดลงจากปี 2559 ร้อยละ 2.6 เป็นผลมาจากการส่งออกบริการซอฟต์แวร์ที่ลดลงสวนทางกับการส่งออกซอฟต์แวร์สำเร็จรูปที่มีการเติบโตขึ้น มูลค่าตลาดซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์นำเข้าในปี 2560 มีมูลค่า 30,735 ล้านบาท ลดลงจากปี 2559 ร้อยละ 1.4 เนื่องจากปัจจุบัน องค์กรธุรกิจมีการซื้อซอฟต์แวร์ตรงจากต่างประเทศ และมีการเช่าใช้ซอฟต์แวร์ (Software as a Service: SaaS) ที่ชำระเงินให้กับบริษัทในต่างประเทศโดยตรง ขณะที่มูลค่าซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเพื่อใช้ในองค์กร (In-house) ปี 2560 มีมูลค่า 17,088 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 7.92 และยังคงเติบโตในปี 2561 และ 2562 จากปัจจัยการลงทุนด้านการทรานฟอร์มธุรกิจไปสู่ดิจิทัลยังคงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา และการมาของเทคโนโลยีใหม่อย่าง AI และ Big Data Analytics เพื่อสร้างความได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจ
• อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ (Hardware and Smart Device)
ตลาดฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะปี 2560 โดยภาพรวมมีมูลค่า 294,542 ล้านบาท เมื่อมีการเก็บข้อมูลปี 2561 และ 2562 ทำให้เห็นค่าการเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 3 และ 5 ตามลำดับ
ส่วนอุปกรณ์อัจฉริยะ ปี 2560 มีมูลค่า 77,957 ล้านบาท ลดลงจากปี 2559 ร้อยละ 5.54 และจำนวนลดลง ร้อยละ 14.79 เพราะ 1. ยอด Smart Card Reader ลดลงมาก 2. จำนวน Bluetooth Smart Device โต 25% แต่ราคาต่อหน่วยหายไปครึ่งหนึ่ง ส่วนปี 2561 คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 30 เพราะเกิดจากฐานเดิมที่ค่อนข้างต่ำ เริ่มเกิด NB-IoT และ LoRa และปี 2562 เติบโตร้อยละ 20 แม้จำนวนจะเพิ่มขึ้น แต่มูลค่าต่อชิ้นลดลง
จากการเก็บข้อมูลวิจัยยังพบว่า ผู้พัฒนาและผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะ หรืออุปกรณ์ IoT ไทยที่มีน้อยราย และสู้กับการพัฒนาครบวงจรของผู้ประกอบการจากประเทศจีนไม่ได้ อาจต้องผันตัวไปนำเข้าอุปกรณ์และพัฒนาซอฟต์แวร์สั่งการอุปกรณ์เหล่านั้น และ/หรือทำหน้าที่เป็นเอสไอแทน
• อุตสาหกรรมบริการด้านดิจิทัล (Digital Service)
รายได้ของผู้ประกอบการด้านบริการดิจิทัลในประเทศ ปี 2560 มีมูลค่ารวม 36,326 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย 1.บริการด้านเนื้อหา (e-Content) รายได้รวม 693,975,144 บาท 2.บริการด้านสื่อบันเทิง (e-Entertainment) รายได้รวม 6,637,927,412 บาท 3.บริการด้านการค้าขายผ่านระบบออนไลน์ (e-Retail) รายได้รวม 9,452,476,454 บาท 4.บริการด้านการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) รายได้รวม 11,356,335,631 บาท 5.บริการเทคโนโลยีเพื่อธุรกรรมการเงิน (FinTech) รายได้รวม 272,696,033 บาท 6.บริการด้านการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ (e-Transactions) รายได้รวม 7,913,104,737 บาท นอกจากนี้ ยังมีรายได้ด้านการโฆษณาผ่านระบบออนไลน์ (e-Advertise) ของผู้ประกอบการทุกประเภทรวม4,384,170,602 บาท ทั้งนี้ รายได้ของผู้ประกอบการด้านบริการดิจิทัลในประเทศ ปี 2560 เติบโตจากปี 2559 ร้อยละ 21.2 คาดการณ์ว่าปี 2561 และ 2562 ตลาดบริการด้านดิจิทัลของไทยจะเติบโตขึ้นร้อยละ 34 ในแต่ละปี ในส่วนของกลุ่ม e-Content และ e-Entertainment เป็นกลุ่มที่มีผู้ใช้งานสูงสุดจากการวัดด้วยจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ โดย e-Content มีปริมาณการเข้าเว็บไซต์ต่อเดือน 1,896 ล้านครั้ง และ e-Entertainment ปริมาณการเข้าเว็บไซต์ต่อเดือน 558 ล้านครั้ง