จัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลหลากหลายรูปแบบ ที่จะช่วยเปิดมุมมองความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแห่งอนาคต เพื่อให้ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน และคนไทยทุกคน พร้อมรับมือกับเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 3 โซนจัดแสดง ดังนี้
I. NETWORK AND INNOVATION |
|
A. NEXT G
|
• NEXT G available on iOS & Andriod • WiFi 6 (WiFi 802.11ax) |
B. 5G x Nokia
|
• 5G Ultra Low Latency – Cooperative Cloud • 5G Collaborative Car Factory demo • 5G Rubik AR • 5G FIFA Virtual Reality |
C. 5G x Chula |
• 5G Innovation Lab • Video Analytics for Smart school • Robot Mini Cargo • Smart Stadium • Smart Pole • Robot – Physical therapy |
D. 5G x PSU |
• 5G Autonomous Car Lab |
E. Robot |
• Lisa • Huco • Alex • IRB–120 |
F. ETC |
• Smart Glass • Cloud VR Go Kart |
II. CORPORATE AND IoT ZONE |
|
A. Smart Airport |
|
B. Smart Community |
|
C. Smart Living |
|
D. Smart Wellness |
|
E. AIAP–IoT Community for Thais |
|
III. E–SPORTS ZONE |
|
A. Live Tournament Show |
• The Best Network for Gaming Experience |
B. Game |
• PUBG |
C. AIS Product and Service |
• Fibre • ZEED • Device |
IV. Cyber Wellness and Online Safety Zone |
|
A. Network Education |
• DQ Intelligence |
B. Network Protector |
• AIS Secure Net • E–Waste |
I. NETWORK AND INNOVATION
A. NEXT G
จุดเด่นของ WiFi 6
1. เพิ่มความเร็วในการใช้งานสูงสุดจาก 650 Mbps (Wi–Fi 5) ไปเป็น 4.8 Gbps (Wi–Fi 6)
2. ช่วยบริหารจัดการความถี่ได้ดีขึ้น ทั้งย่าน 2.4 GHz และ 5 GHz สำหรับอุปกรณ์ปัจจุบัน และ IoT
3. เพิ่มความเสถียรในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่น เช่น ในห้างสรรพสินค้า สนามกีฬา หรือ คอนเสิร์ตฮอลล์
4. เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ
ทั้งนี้ AIS จะเปิดให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ Wi–Fi 6 ที่ AIS DC ภายในปี 2019 โดยอุปกรณ์ทั่วไปในท้องตลาดจะเริ่มรองรับมาตรฐาน Wi–Fi 6 ในปี 2020
B. 5G x Nokia
พบกับโชว์เคส 5G สุดเจ๋ง ที่เอไอเอสผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก Nokia ทดสอบศักยภาพเทคโนโลยี 5G อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ภาคธุรกิจและทุกอุตสาหกรรมเห็นภาพของประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจาก 5G และเกิดแรงบันดาลใจในการผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ ให้สอดรับกับเทคโนโลยีอนาคตที่จะมาถึงในอนาคตอันใกล้
การสาธิตความหน่วงของเครือข่าย 5G โดยการใช้หุ่นยนต์สองตัวในการหาจุดสมดุลที่ทำให้ลูกบอลอยู่กึ่งกลาง การสาธิตแสดงเวลาที่หุ่นยนต์ใช้ในการหาจุดสมดุลผ่านการสื่อสารระหว่างกันโดยใช้เครือข่าย 4G เปรียบเทียบกับเครือข่าย 5G
การสาธิตการตอบสนองที่แตกต่างของระดับความหน่วงหลายระดับต่างๆ เนื่องจาก 5G มีค่าความหน่วงที่ต่ำกว่า จึงตอบสนองได้รวดเร็วกว่า โดยการสาธิตผ่าน VR Car Factory demo ที่ผู้เล่นสามารถลองประกอบเครื่องยนต์ของรถยนต์เสมือนอยู่ในโรงงานจริงๆ แบบ Real Time
แสดงการตอบสนองของเกมส์รูบิค ผ่านเครือข่าย5G เพื่อแสดงการตอบสนองที่เร็วกว่า โดยผู้เล่นสามารถหมุนโมเดล Rubik จำลอง ข้อมูลจะถูกส่งผ่านและแสดงบนโมเดล Rubik บนจอแบบ Real Time
การสาธิตความหน่วงของเครือข่าย 5G โดยเกมส์การเตะลูกโทษฟุตบอล ระหว่างผู้เล่นที่เป็นนักเตะกับผู้รักษาประตูเสมือนจริงในเกมส์ เทียบระหว่างการเตะบนเครือข่าย 4G และ5G เพื่อแสดงการตอบสนองที่แตกต่าง เนื่องจาก 5G มีค่า Latency ที่ต่ำกว่า จึงตอบสนองได้รวดเร็วกว่า ทำให้โอกาสในการทำประตูบนเครือข่าย 5G เป็นไปได้มากกว่า
C. 5G x Chula
จัดแสดงโชว์เคสนวัตกรรม 5G ที่เกิดจากการร่วมมือในการศึกษา วิจัย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี 5G (MOU) ระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเอไอเอส ภายใต้การสนับสนุนของ กสทช. เพื่อสร้างองค์ความรู้ทางวิชาการ อันจะนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีระบบ 5G ของประเทศ
ศูนย์การเรียนรู้เรื่อง 5G แห่งแรกในไทย ด้วยความร่วมมือระหว่างคณาจารย์, นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯและผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทเอไอเอส เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับ 5G ให้เป็นประโยชน์แก่การศึกษาและต่อยอดการพัฒนานวัตกรรมจากเทคโนโลยี 5G
เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าที่พัฒนาโดยทีมงานเอไอเอส เพื่อเป็นก้าวแรกของการนำไปสู่ Smart School โดยนำมาทดสอบใช้ที่โรงเรียนสาธิตแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อช่วยบันทึกการเข้าออกโรงเรียนของนักเรียนให้แม่นยำมากขึ้น และตรวจสอบการเข้า-ออกของบุคคลในบริเวณโรงเรียน เป็นการยกระดับการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ไปอีกขั้นหนึ่ง
หุ่นยนต์อัจฉริยะที่ทำงานผ่านระบบ 5G สามารถมาช่วยให้การเดินเอกสาร, ส่งของต่างๆ ในอาคาร เป็นไปได้อย่างง่ายดาย ตามตำแหน่งเป้าหมายที่ระบุ สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้โดยอัตโนมัติ และการเคลื่อนที่กลับมาตำแหน่งชาร์จพลังงานโดยอัตโนมัติ โดยจะมีการทดลองใช้หุ่นยนต์ Mini Cargo ในบริเวณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่จะใช้เทคโนโลยี 5G และอุปกรณ์ Internet of Things เพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการพลังงานภายในสนามเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานสูงสุด
เสาอัจฉริยะที่รวบรวมอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ไว้ภายในต้นเดียว ไม่ว่าจะเป็น IoT Environment Sensor ที่ใช้วัดอุณหภูมิและคุณภาพอากาศในพื้นที่โดยรอบ พร้อมทั้งแสดงผลในทันทีด้วย Digital display โดยใช้พลังงานสะอาดจากแผง Solar cell ที่ติดอยู่ด้านบนของเสา นอกจากนี้ยังมี ระบบ Video CCTV เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ทางเท้า และเป็นที่ปล่อยสัญญาณ WiFi ให้ผู้ใช้งานโดยรอบได้อีกด้วย
หุ่นยนต์อัจฉริยะช่วยทำกายภาพภาพฟื้นฟูบริเวณกล้ามเนื้อในจุดที่อ่อนแรง ให้กับผู้ป่วยอัมพฤกษ์ และอัมพาต โดยมีกลไกการเคลื่อนที่แบบ 4 องศาอิสระ ทำให้ช่วงการทำงานของข้อต่อมีการเคลื่อนที่สอดคล้องคล้ายกับแขนมนุษย์ จึงช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฝึกการใช้งานแขนซ้ำๆ ได้เป็นจำนวนครั้งที่มากกว่า มีเกมที่ช่วยดึงดูดการออกกำลัง ซึ่งทักษะการใช้งานจะแปรผันตามจำนวนครั้งที่ฝึก พร้อมจัดเก็บข้อมูลไว้บนระบบ Cloud ทำให้แพทย์สามารถดึงข้อมูลการทำกายภาพของคนไข้มาวินิจฉัยได้แบบ Real Time เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคตจะเข้ามาทดแทนปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์
D. 5G x PSU
5G Autonomous Car Lab
รถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Car) ที่ได้มีการศึกษาและทดลองอย่างจริงจังร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และเอไอเอส โดยรถยนต์สามารถเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยผ่านการใช้งานบนระบบโครงข่ายของเอไอเอส ให้รถยนต์สามารถเคลื่อนที่, สื่อสารกับ Smart pole, หยุดเมื่อเจอ สิ่งกีดขวาง และพาตัวเองไปชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้ด้วยตัวเอง โดยคาดว่าการทดลองและวิจัยดังกล่าวจะสามารถพัฒนานำไปประยุกต์ใช้ในสถานะการณ์ต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างมากกับประเทศในอนาคต
E. Robot
ตื่นตาไปกับทีม AIS ROBOT หุ่นยนต์สมองกล ที่จะมาโชว์ขีดความสามารถการทำงานเป็นผู้ช่วยมนุษย์ได้อย่างน่าทึ่ง
หุ่นยนต์อัจฉริยะที่สามารถนำทางไปยังพิกัดได้อย่างแม่นยำ สามารถจดจำใบหน้าได้ ซึ่งในงานนี้ AIS ได้พัฒนาขีดความสามารถให้หุ่นยนต์ Lisa ทำหน้าที่เสมือนไกด์พาผู้เข้าชมงานเดินเยี่ยมชมบูธ โดยผู้เข้าชมงานสามารถกดเลือกบูธที่สนใจ จาก Directory ที่จัดแสดงบนหน้าจอหุ่นยนต์ได้
หุ่นยนต์แขนกลอัจฉริยะที่มาพร้อมความสามารถในการตักป๊อปคอร์นอย่างคล่องแคล่ว หลังได้รับคำสั่งการหุ่นยนต์ด้วยกัน (Alex) โดยหุ่นยนต์ Huco เป็นหุ่นยนต์ Cobot (collaborative Robot) นวัตกรรมแบบสองแขนกล ถูกพัฒนาให้มีความยืดหยุ่น คล่องตัว มีความสามารถในการรับรู้ สามารถหยิบจับสิ่งของหรือชิ้นงานได้อย่างถูกต้องแม่นยำ รวมถึงถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ โดยเน้นถึงความปลอดภัยในการทำงานร่วมกัน
นวัตกรรมหุ่นยนต์อัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถจดจำใบหน้า โต้ตอบ สนทนากับลูกค้า พร้อมให้ข้อมูลสินค้าและบริการกับลูกค้าได้ ซึ่งในปัจจุบัน หุ่นยนต์ Alex ได้เข้ามาทำงานร่วมกับพนักงานใน AIS SHOP ในสาขาต่างๆ แล้ว เพื่อช่วยยกระดับการให้บริการและสร้างประสบการณ์ดิจิทัลให้ลูกค้า
จัดแสดงขีดความสามารถของหุ่นยนต์แขนกลที่สามารถควบคุมการทำงานระยะไกลผ่านเครือข่าย ซึ่งจะช่วยให้มนุษย์สะดวกสบายยิ่งขึ้นและไม่จำเป็นต้องลงไปในพื้นที่เสี่ยง โดยในครั้งนี้เป็นการสาธิตผ่านการเล่นเกมหยิบกล่องนำโชค โดยผู้เล่นจะสวมแว่น VR และใช้ Joy ควบคุมการทำงานของหุ่นยนต์เพื่อหยิบกล่องนำโชค ลุ้นรับของรางวัล
F. อื่นๆ
แว่นตาอัจฉริยะ ที่สามารถจดจำข้อมูลที่บันทึกไว้ในพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลบน Cloud ไม่ว่าจะเป็น ใบหน้า, ทะเบียนรถ แว่นตาสามารถแจ้งได้ทันทีเมื่อเจอใบหน้าหรือทะเบียนรถที่บันทึกข้อมูลไว้ในระบบ ในประเทศจีนมีการใช้แว่นตาอัจฉริยะดังกล่าวเพื่อระบุใบหน้าหรือทะเบียนรถที่มีข้อมูลเชื่อมโยงกับประวัติอาชญากรรมและตรวจสอบทะเบียนรถปลอม
การจัดแสดงศักยภาพของ 5G ที่สามารถนำมาใช้กับ Cloud VR ทำให้เกิดมิติใหม่ของการเล่นเกม MX (Mixed Virtual Reality) ที่ผู้ใช้งานได้ประสบการณ์การขับรถ Go Kart บนโลกเสมือนจริง สามารถจัดแสดงขึ้นจอแสดงผลอย่าง Real Time โดยไม่จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อกับสายเคเบิลใดๆ เนื่องจากศักยภาพของ 5G บนพื้นที่ Cloud ทำให้เล่นเกมสนุกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
II. CORPORATE AND IoT ZONE
A. Smart Airport
โชว์นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลที่นำมาใช้ยกระดับการให้บริการของสนามบินได้จริงแล้ว เพื่อก้าวสู่การเป็นสนามบินอัจฉริยะ อาทิ
ยกระดับความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานในสนามบินด้วยระบบ Facial Recognition แจ้งเตือนทันทีเมื่อตรวจพบบุคคลต้องสงสัย และระบบ Unattended Object Detection ตรวจสอบวัตถุต่างๆ ในสนามบินและแจ้งเตือนเมื่อพบสิ่งผิดปกติ
แอปพลิเคชันสำหรับผู้เดินทางผ่านสนามบินอู่ตะเภา โดยจะแสดงข้อมูลด้านการบินและสนามบินแบบครบครันในแอปฯ เดียว เช่น Flight Info เมนูแสดงข้อมูลตารางการบินทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินต่างประเทศ, My Flight เมนูที่แสดงข้อมูลการบินของผู้โดยสาร พร้อมแสดงการแจ้งเตือนเวลาที่เหลือก่อน Boarding และจะเปลี่ยนสีที่แสดงในกรณี Final Call พร้อมแสดงแถบข้อความ Tap here for free Wifi@U–Tapao เมื่อคลิกที่แถบจะเปิด Pop up ให้เชื่อมต่อ Wifi เป็นต้น
B. Smart Community
นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน อาทิ
ระบบฟาร์มอัจฉริยะ ที่ผสานเทคโนโลยีของ AIS กับความรู้ของเกษตรกรที่เชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วยในการควบคุมดูแลกระบวนการเพาะปลูกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยระบบมีฟังก์ชันสนับสนุน เช่น ระบบสั่งงานเปิด-ปิด อุปกรณ์ระยะไกล, ระบบวัดสภาพแวดล้อมเพาะปลูก, ระบบการเก็บข้อมูลและแสดงผลเพื่อนำมาวิเคราะห์ และปรับปรุงกระบวนเพาะปลูก เป็นต้น ควบคุมง่ายบนมือถือที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ตู้จำหน่ายสินค้าผลผลิตจากการเกษตรอัตโนมัติเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรรูปแบบใหม่ที่สะดวกและประหยัดพื้นที่ โดยการนำเทคโนโลยี IoTมาบริหารจัดการตู้ ตั้งแต่ดูจำนวนสต๊อกสินค้า ตรวจสอบปัญหาการใช้งาน ตลอดจนรายงานการขายสินค้า ได้แบบ Real–time ทั้งนี้ ยังเชื่อมต่อกับ gateway เพื่อเพิ่มช่องทางและอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน
นำนวัตกรรม IoT มาติดตั้งในเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล ผ่าน IoT Platform เพื่อให้เจ้าของกิจการสามารถตรวจสอบสถานะการทำงาน ปริมาณเหรียญในเครื่องและจัดเก็บเหรียญได้ในเวลาที่เหมาะสม และสามารถเชื่อมต่อกับ mobile wallet gateway เพื่อเพิ่มช่องทางและอำนวยความสะดวกในการการชำระเงิน
C. Smart Living
โชว์นวัตกรรมโซลูชันที่คิดค้นมาเพื่อยกระดับการใช้ชีวิตในการอยู่อาศัยภายในบ้านที่ดียิ่งกว่า อาทิ
ควบคุมระบบต่างๆ ภายในบ้านได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ช่วยดูแลคนในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โซลูชันที่จะช่วยดูแลคุณภาพอากาศภายในบ้านให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับทุกคนในครอบครัว พร้อมควบคุมการระบายอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ
ทำงานบนนวัตกรรมเครือข่าย AIS NB–IoT แสดงตำแหน่งของสมาชิกในครอบครัวบนแอปฯ มือถือ เพื่อช่วยดูแลบุตรหลานของท่านไม่ให้คลาดสายตา พร้อมปุ่ม SOS ที่ใช้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เป็นต้น
D. Smart Wellness
โชว์นวัตกรรมเทคโนโลยีที่นำมาใช้เพื่อการดูแลสุขภาพของคนยุคดิจิทัล อาทิ
อุปกรณ์ที่ช่วยตรวจสอบค่าต่างๆ ทางการแพทย์ได้จากที่บ้าน และส่งไปยังโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตวจสอบได้ตลอดเวลา เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ ค่าความดัน ค่าน้ำตาลในเลือด เป็นต้น
นวัตกรรมการตรวจจับการล้มด้วยกล้องและระบบอัจฉริยะ ที่มาพร้อมด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลได้แบบเรียลไทม์
เปลี่ยนบริการด้านสุขภาพด้วยนวัตกรรมผ่านมือถือ ตอบโจทย์ผู้รับบริการทั้งผู้ป่วยและญาติ เช่น แอปพลิเคชัน Samitivej Plus, OR Tracking System (Samitivej PACE) ระบบติดตามสถานะการผ่าตัดผ่านโทรศัพท์มือถือ, IPD Tracking System รู้ขั้นตอนการรักษาและวางแผนการรับบริการผู้ป่วยในแบบ on demand และ Line @samitivej ที่มี Chat Bot คอยตอบคำถามสุขภาพ
นวัตกรรมของการรับ-จ่ายยาผ่านตู้จ่ายยาอัจฉริยะ ซึ่งสามารถระบุตัวตนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัย พร้อมระบบแนะนำการใช้ยาโดยเภสัชกรวิชาชีพแบบออนไลน์
E. AIAP–IoT Community for Thais
พบกับโชว์เคสจากโครงการ AIS IoT Alliance Program ที่เอไอเอสจัดขึ้นเพื่อสร้าง IoT Ecosystem ในการผลักดันให้เกิดการใช้งาน IoT Technology และเตรียมพร้อมให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล อาทิ
บริษัทตัวเเทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ นำเข้าสินค้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ บอร์ดทดลองหลากหลายแบรนด์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ภายในประเทศ พร้อมให้บริการคอร์สอบรมด้าน Embedded System ที่ครบวงจรทั้งเรื่อง Internet of Things ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน และคอร์สอื่นๆ อีกมากมาย
บริษัทให้บริการฝึกอบรมความรู้ด้าน Electronic , Embedded system & IoT เผยแพร่ข้อมูลความรู้ต่างๆ เพื่อประโยชน์ของเมกเกอร์ รวมถึงเป็นผู้ให้บริการ Solution provider ตั้งแต่ Hardware จนถึง Cloud ในการให้บริการด้าน IoT ต่างๆ
บริษัทที่เน้นออกแบบ วิจัยและพัฒนา IoT Solutions ให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมและโรงงานที่ต้องการปรับปรุงกระบวนการผลิต รวมไปถึงการดูแลสุขอนามัยและความปลอดภัยในโรงงาน ด้วยเทคโนโลยี IoT และ Data Science
ผู้ผลิตและส่งออกอุปกรณ์ดิจิตอล และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ “JARTON” โดยใช้ระบบเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจากทั่วโลกทั้งอิตาลี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น บริษัทให้บริการสินค้ารองรับลูกค้าทุกกลุ่มทั้งเจ้าของร้าน เจ้าของโครงการ ผู้รับเหมา วิศวกร สถาปนิก ทั้งในประเทศไทย และอีกกว่า 17ประเทศทั่วโลก
บริษัทผู้นำธุรกิจด้านเครื่องหยอดเหรียญและเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ที่นำแพลตฟอร์ม IoT มาเชื่อมต่อกับระบบ VMS (Vending Management Systems) เพื่อช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจให้ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น และยังมีการพัฒนานวัตกรรมการชำระสินค้าจากระบบหยอดเหรียญ ให้กลายเป็น Online Payment เพื่อเพิ่มความสะดวก และรวดเร็วในการให้บริการ โดยในงานมีการนำเครื่องจำหน่ายกาแฟอัติโนมัติมาแสดง ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการใช้งานเทคโนโลยีด้าน IoT ได้อย่างแท้จริง
บริษัทภายใต้ SCG Brand ซึ่งคิดค้นและนำเอาเทคโนโลยีด้าน Sensor เข้ามาผสมผสานกับความรู้ทางด้านการเกษตรเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับเกษตรกร ทำให้เกษตรกรไทยสามารถทำการเกษตรได้แม่นยำสูง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิต และช่วยประหยัดต้นทุน ซึ่งเกษตรกรสามารถปรับการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของพื้นที่มากที่สุด รวมไปถึงเรื่องการดูแลจัดการพื้นที่ทางการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
หนึ่งในบริษัทกลุ่ม Startup ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการควบคุมสภาพอากาศในฟาร์มปศุสัตว์แบบเปิด โดยใช้ระบบ IoT ในการเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน โดยสามารถลดค่าไฟฟ้าในฟาร์มของเกษตรกรได้มากกว่า 40%
บริษัทผู้ให้บริการ IoT สำหรับงาน Logistic ที่สะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการใช้งาน เหมาะกับการใช้งานในโรงงาน หรือ คลังสินค้าต่างๆ
III. E–SPORTS ZONE
โชว์ศักยภาพของเครือข่ายที่ดีที่สุด (The Best Network) ที่ทำให้เกิดประสบการณ์เล่นเกมที่ดีที่สุด ด้วยการสร้าง Ecosystem ที่ผสานความร่วมมือของหลายฝ่ายเข้าด้วยกัน เช่น Game Publisher, Product และ Service ของ AIS ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายคุณภาพ, Device เพื่อการเล่นเกมที่ดีที่สุด หรือซิมที่ตอบรับ Lifestyle วัยทีน และการจัด Tournament ให้ผู้เล่นได้ปลดปล่อยและพัฒนาศักยภาพเพื่อก้าวสู่การเป็นเกมเมอร์อาชีพในอนาคต
A. LIVE Tournament: The Best Network for gaming experience
โชว์การแข่งขันเกมกันแบบสดๆ กับเกมยอดฮิตอย่าง PUBG PC , PUBG Mobile และ Dota2 บนเครือข่ายที่ดีที่สุด AIS NEXT G และ AIS Fibre พร้อมชมแมตช์การแข่งขันนัดพิเศษจากศิลปินและแชมป์ E–Sports ตัวจริง
B. Game: PUBG
จัดแสดงโชว์เคสจาก Game Publisher โดย AIS ร่วมเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ พาร์ทเนอร์ กับ PUBG Mobile ในการจัดทัวร์นาเม้นท์การแข่งขันตลอดปี 2019 และมีไอเทมพิเศษในเกมส์ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเล่นเกมของเหล่าเกมเมอร์
C. AIS Product and Service
โชว์แนวคิดการออกแบบแพ็กเกจพิเศษจาก AIS Fibre เพื่อคอเกมเมอร์โดยเฉพาะ ซึ่งใช้งานสปีดอินเทอร์เน็ตที่แตกต่างจากสปีดอินเทอร์เน็ตสำหรับลูกค้าทั่วไป โดยแสดงการจำลองการทำงานของระบบอินเทอร์เน็ตที่มีการแยกท่อรองรับการใช้งาน ทั้งในส่วนของการใช้งานทั่วไป เช่น ดูหนัง เล่นเน็ต ส่งไฟล์ขนาดใหญ่ เปรียบเทียบกับการใช้อินเทอร์เน็ตในการเล่นเกมส์ เพื่อให้เห็นศักยภาพการให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่พร้อมรองรับการใช้งานในทุกรูปแบบอย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่สะดุด ไม่กระตุก อีกต่อไป
พบกับ AIS ZEED ซิมมือถือพร้อมแพ็กเกจที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ในด้านดิจิทัลของวัยรุ่นยุคปัจจุบัน และสนับสนุนวัยรุ่นไทยให้เข้าถึงประสบการณ์ด้าน E–Sports ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น
สัมผัสมือถือที่รองรับการเล่นเกมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพบนเครือข่ายที่ดีที่สุด เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ AIS เท่านั้น พร้อมให้เหล่าเกมเมอร์ ได้สนุกกับการเล่นเกมบนมือถือที่ลื่นไหล ไม่มีสะดุด อาทิ ASUS ROG PHONE , Razer Phone 2
IV. Cyber Wellness and Online Safety Zone
เตรียมความพร้อมและสร้างรากฐานในการใช้อินเทอร์เน็ตตั้งแต่เด็กด้วยชุดการเรียนรู้ 360 องศา “DQ Intelligence” ภายใต้ความร่วมมือของ AIS และ DQ Institute รวบรวมสาระสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะและความฉลาดด้านดิจิทัลให้กับเด็กๆ วัย 8–12 ปี ใน 8 ด้าน ได้แก่ อัตลักษณ์ (Digital Citizen Identity), ยับยั้งชั่งใจ (Screen Time Management), เมื่อถูกรังแกออนไลน์ (Cyberbullying Management), ใจเขา-ใจเรา (Digital Empathy), ท่องเน็ตอย่างปลอดภัย (Cyber Security Management), คิดเป็น (Critical Thinking), รู้ถึงผลที่จะตามมา (Digital Footprints) และ รู้สิทธิและความเป็นส่วนตัว (Privacy Management) พัฒนาโดยทีมงานนักวิชาการจาก Nanyang Technological University ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้รับความเชื่อถือและถูกนำไปใช้สอนเยาวชนในประเทศต่างๆ กว่า 30 ประเทศทั่วโลก และนี่คือการเปลี่ยนแปลงใหม่ เพราะการมี IQ และ EQ คงไม่เพียงพออีกต่อไป แต่เด็กจะต้องมี DQ เพื่อพร้อมรับมือกับยุคดิจิทัลอย่างชาญฉลาด
B. Network Protector
ระบบช่วยกรองการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อเข้ามาตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าให้มีความมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งแอปพลิเคชั่นใดๆ ช่วยกรอง URL หรือ Website ที่ไม่เหมาะสม (Web Filtering) รวมถึงป้องกันไวรัสและมัลแวร์จากการใช้งาน URL หรือแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย พร้อมระบบแจ้งเตือนและบล็อกเมื่อระบบพบว่าลูกค้ากำลังกดใช้งาน URL หรือ website ดังกล่าว โดยระบบจะส่งรีพอร์สของลิงค์หรือ URL ที่ถูกบล็อกแสดงแก่ลูกค้าเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน เพื่อให้ลูกค้าสามารถ customized การกรองเว็บไซต์ได้เองในอนาคต นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของบุตรหลานได้ โดยการผูกความสัมพันธ์ด้วยเบอร์ (MSISDN) เพื่อกำหนดปริมาณและช่วงเวลาการใช้งานได้
AIS ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E–Waste) อย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาด้านชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลเสียในระยะยาว เราจึงสร้างองค์ความรู้และรวบรวม E–Waste ร่วมกับพันธมิตร เพื่อนำเข้าสู่การกำจัดอย่างถูกวิธีและยั่งยืน โดยพัฒนา E–Waste Smart Bin ถังขยะอัจฉริยะที่ติดตั้งอุปกรณ์ IoT ให้สามารถจำแนกขยะอิเล็กทรอนิกส์ออกจากขยะธรรมดาได้ พร้อมส่งข้อมูลจำนวนขยะอิเล็คทรอนิคส์ที่รวบรวมได้ขึ้นเว็บไซต์ www.ewastethailand.com ผ่าน cloud network และคำนวณค่า CO2 ที่ลดลงได้จากขยะอิเล็คทรอนิคส์ที่เข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างถูกวิธี เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นของทุกคนและลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ตกค้างในประเทศไทย