ประเทศไทย, 22 กรกฎาคม 2562 – บริษัท TrueMoney จัดแสดงนวัตกรรม e-KYC ที่รวดเร็วและแม่นยำสูงสุดในงาน Bangkok Fintech Fair 2019 เมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมจับมือร้าน 7-Eleven 9 สาขา เชิญผู้ใช้นำร่องทดสอบนวัตกรรมการยืนยันตัวตนแบบใหม่ ที่บริษัทฯ พัฒนาร่วมกับบริษัท ZOLOZ ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นและเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบ Biometric ระดับโลก สามารถตรวจสอบใบหน้าและเทียบค่าความเหมือน ต่าง ภายใน 3 วินาที สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคในโลกดิจิทัลไปพร้อม ๆ กับการสร้างมาตรฐานความปลอดภัย ที่สะดวกและเข้าถึงทุกคน
ทั้งนี้ บริษัท TrueMoney เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการอีวอลเล็ทในประเทศไทยที่มีการนำเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบ Biometrics ด้วยการสแกนใบหน้า (Facial Recognition) มาใช้ในระบบการแสดงและยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ในสนามทดสอบ (Regulatory sandbox) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันทางการเงินชั้นนำต่างๆ ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเทคโนโลยี Biometric Facial Recognition คือหนึ่งในห้าเทคโนโลยีสำคัญที่อยู่ใน Regulatory Sandbox ของ ธปท. (ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ความคืบหน้าRegulatory Sandbox) การใช้ Facial Recognition เพื่อการทำ e-KYC เป็นระบบการพิสูจน์ตัวตนด้วยการสแกนใบหน้าที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการระบุตัวตน ลดขั้นตอนความยุ่งยาก การลืมพาสเวิร์ด และความเสี่ยงในการถูกใช้เป็นช่องทางทุจริตหรือการฟอกเงิน พร้อมสร้างมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ให้กับเจ้าของบัญชีขั้นสูงสุดในอุตสาหกรรม รวมถึงเพิ่มความสะดวก เนื่องจากร้าน 7-Eleven เปิดให้บริการทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และผู้ใช้บริการสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ 7-Eleven ได้ทุกสาขา ตลอดเวลา 24 ชม. เพื่อรับการให้บริการที่สะดวกรวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก
นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “เป้าหมายสำคัญของเรา นอกจากการช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ด้วยนวัตกรรมทันสมัยอย่างสะดวกสบายแล้ว เรายังมุ่งให้ความสำคัญกับการสรรหา ลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอย่างจริงจัง เพราะเราตระหนักดีว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคคือหัวใจหลักในการให้บริการด้านการเงิน เราจึงร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่าง ZOLOZ นำเทคโนโลยีความปลอดภัยนี้มาปรับใช้ในประเทศไทยในร้าน 7-Eleven เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในการใช้ e-Wallet ขั้นสูงสุด พวกเราดีใจมากที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการช่วยยกระดับมาตรฐานการยืนยันตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ให้กับประเทศไทย โดยเราทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารแห่งประเทศไทยและตอนนี้อยู่ในขั้นตอนยื่นเรื่องออกจาก Sandbox ซึ่งจะพร้อมเปิดให้บริการใน 7-Eleven ทุกสาขาในเร็ว ๆ นี้”
“ปัจจุบันมีหลายบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกได้นำระบบ Facial Recognition มาใช้ยืนยันตัวตนพนักงานเพื่อปกป้องภัยคุกคามที่มาในหลากหลายรูปแบบ เช่นเดียวกับทรูมันนี่ ที่วันนี้นำเสนอกระบวนการยืนยันตัวตนที่ง่ายดายเหมือนการถ่ายภาพ selfie และใช้ความสามารถของเทคโนโลยีตรวจจับอัตลักษณ์บุคคลที่มีความแม่นยำ 99.99% เชื่อมโยงจับคู่กับฐานข้อมูลในบัตรประชาชนได้อย่างรวดเร็วไม่ถึง 3 วินาที ทำให้ผู้ใช้ดำเนินการป้องกันตัวเองได้อย่างสะดวกและมั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อยืนยันตัวตนสำเร็จ” นางสาวมนสินี กล่าวเพิ่มเติม
“เราตระหนักดีว่าผู้บริโภคในปัจจุบันมีความรู้ความเข้าใจ และใช้งานเทคโนโลยีอย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกันก็ยังมีผู้บริโภคที่เริ่มเรียนรู้การใช้งานเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน เฉกเช่นเดียวกันกับกลุ่มมิจฉาชีพหรือผู้ที่ตั้งใจพลิกแพลงการใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ไม่ถูกต้องที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทรูมันนี่มั่นใจว่า e-KYC จะสร้างความเชื่อมั่นและเป็นเกราะป้องกันให้กับอุตสาหกรรมอีวอลเล็ทในภาพรวม รวมถึงผู้ใช้ทุกคนของเราจากเหล่ามิจฉาชีพที่มักสวมรอยใช้บัญชีอีวอลเล็ทของผู้ตกเป็นเหยื่อ พร้อมทั้งช่วยคัดกรองการใช้งานไปในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น ในธุรกิจสีเทา ขายภาพลามกอนาจาร หรือใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงินอื่น ๆ” นางสาวมนสินี กล่าวสรุป
6 ขั้นตอนลงทะเบียนยืนยันตัวตนแบบ Selfie
(*อัพเดทแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ของคุณให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก่อนยืนยันตัวตน iOS และ Android)
ร้าน 9 สาขา ที่รองรับการยืนยันตัวตนในรูปแบบ Selfie ประกอบด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยืนยันตัวตน TrueMoney Wallet ที่https://www.truemoney.com/biometrickyc/
หากคุณมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือในการใช้งานแอปพลิเคชั่น สามารถติดต่อ TrueMoney Customer Care ผ่าน Call Center เบอร์ 1240 หรือ Live Chat ตลอด 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ทุกคนพร้อมดูแลคุณเสมอ https://www.truemoney.com/contact/