กรุงเทพฯ – 18 พฤศจิกายน 2562 – บริษัท วีเอ็มแวร์ (NYSE: VMW) ผู้นำด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมซอฟต์แวร์ระดับองค์กร เผย ภายในปี พ.ศ. 2568 ซีไอโอทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นจะมีบทบาทสำคัญในฐานะบุคคลชี้วัดผลสำเร็จในการดำเนินธุรกิจขององค์กรต่างๆ การมาถึงของ “โมเดิร์นแอป อีโคโนมี” (Modern App Economy) หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยแอปพลิเคชัน จะเปลี่ยนรูปแบบการใช้เทคโนโลยีเพื่อธุรกิจ สู่องค์กรที่เป็นทั้งผู้สร้างนวัตกรรมและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของธุรกิจไปพร้อมกัน องค์กรจะเพิ่มบทบาทให้กับซีไอโอของพวกเขา ในฐานะผู้คุมอำนาจด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้าง ขับเคลื่อน จัดการ เชื่อมต่อและปกป้องแอปพลิเคชันบนคลาวด์และอุปกรณ์ต่างๆ ในการขยายโอกาสทางธุรกิจ

 

ผลสำรวจซีไอโอ 200 คนจากองค์กรทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ในหัวข้อ “ก้าวสำคัญของ CIO ในเอเชียแปซิฟิกในปี 2568: การศึกษาการเปลี่ยนแปลงองค์กรขั้นพื้นฐาน” (The Asia-Pacific CIO In 2025: Driving Fundamental Enterprise Change) เผยให้เห็นว่า 64 เปอร์เซ็นต์ ของซีไอโอเชื่อว่าพวกเขาจะก้าวเป็นกำลังสำคัญในการตัดสินใจและขับเคลื่อนกลยุทธ์องค์กร และเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ มองว่าพวกเขาจะเป็นศูนย์กลางการสร้างรายได้และผลกำไรขององค์กรภายในปี 2568 และ ซีไอโอราว ๆ 56 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าจะก้าวเป็นซีอีโอในปี 2568

 

ตั้งแต่วันนี้จนถึงปี พ.ศ. 2568 ซีไอโอยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีและจะเล็งเห็นบทบาทตนเองในฐานะผู้นำและผู้ออกแบบกลยุทธ์องค์กรผ่านการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ดูแลทิศทางการดำเนินงานขององค์กรตั้งแต่วางแผน บริหารจัดการ ลงมือปฏิบัติจริง รวมทั้งสร้างการเชื่อมต่อและป้องกันเวิร์คโหลดของคนทั้งองค์กร โดยพวกเขายังคงให้ความสำคัญกับไซเบอร์ซีเคียวริตี้ โดย 84 เปอร์เซ็นต์ ของซีไอโอแนะนำให้องค์กรเร่งพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตพื่อลดความเสี่ยงทางไซเบอร์

 

 

นาย จิมมี่ อึ๊ง ซีไอโอ ธนาคารแห่งชาติสิงคโปร์ หรือ DBS Bank กล่าวว่า “แม้ว่าเทคโนโลยีจะเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ แต่วันนี้เทคโนโลยีได้กลายมาเป็นอุปสรรคสำคัญของธุรกิจเช่นกัน เราจะได้เห็นความร้อนแรงของแนวโน้มดังกล่าวจากการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลที่กระจายตัวอยู่ในองค์กรธุรกิจ เพื่อให้องค์กรบรรลุความสำเร็จทางธุรกิจ ซีไอโอจะต้องสวมบทบาทเป็นดิสรัปเตอร์เพื่อศึกษาเรียนรู้โอกาสและความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต รวมทั้งหาแนวทางหรือโซลูชั่นเพื่ออุดช่องโหว่ดังกล่าว เพื่อสร้างรากฐานทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งให้กับองค์กรและพร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ที่ดีสุดแก่ผู้บริโภค ทุกคนในองค์กรจำเป็นต้องปรับตัวให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ด้วยเช่นกัน”

 

สร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมแก่ธุรกิจด้วยเทคโนโลยีอนาคต

 

ซีไอโอในเอเชียแปซิฟิกคาดหวังว่าการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการนำข้อมูลมาขับเคลื่อนธุรกิจ จะดำรงความสามารถในการแข่งขันและปลดล็อคโอกาสการเติบโตใหม่สำหรับธุรกิจของพวกเขา พร้อมเผยถึงห้าอันดับเทคโนโลยีที่จะถูกนำมาใช้ดำเนินธุรกิจในอนาคตได้แก่ ได้แก่ แมชชีน เลิร์นนิ่ง (63 เปอร์เซ็นต์), ไอโอที (61 เปอร์เซ็นต์), ปัญญาประดิษฐ์ (60 เปอร์เซ็นต์), เอดจ์ คอมพิวติง (57 เปอร์เซ็นต์) และบล็อกเชน (51 เปอร์เซ็นต์) โดยพวกเขายังคาดการณ์อีกว่า เพื่อควบคุมศักยภาพของเทคโนโลยีที่จะแพร่หลายในอนาคตเหล่านี้ พวกเขาจำเป็นต้องลงทุนในการสร้างกรอบการทำงานที่ช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างและจัดการเวิร์คโหลดได้ด้วยวิธีทันสมัยเพื่อส่งมอบนวัตกรรมเพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้

 

นาย ซานเจย์ เค. เดชมุคห์ รองประธานและกรรมการผู้จัดการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี วีเอ็มแวร์ กล่าวว่า “ทุกธุรกิจอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่มีเทคโนโลยีเป็นปัจจัย ทั้ง คลาวด์ แอปพลิเคชัน เน็ตเวิร์คกิ้ง โมบิลิตี้ และซีเคียวริตี้ เทคโนโลยีเหล่านี้สร้างโอกาสให้กับซีไอโอก้าวเป็นผู้นำในการนำพาองค์กรให้พัฒนาไปบนวงจรนวัตกรรมที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยวีเอ็มแวร์ได้พัฒนา VMware Tanzu และ Project Pacific ซึ่งนับเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมต่อการทำงานของซีไอโอที่ช่วยให้ซีไอโอสามารถบริหารจัดการเวิร์คโหลดและเห็นผลลัพธ์ในการดำเนินธุรกิจ”

 

ที่ VMworld US 2019 เราได้เปิดตัว กลุ่มโปรดักส์ Tanzu ของ VMware และ Project Pacific ที่จะช่วยให้ซีไอโอสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การทำงานของ Kubernetes ที่จะควบคุมการทำงานของโปรดักส์ดังกล่าวให้ทำงานเต็มศักยภาพ เพื่อช่วยให้องค์กรทรานส์ฟอร์มวิธีการดำเนินธุรกิจและจัดการเทคโนโลยีสุดล้ำในอนาคตได้อย่างราบรื่น

 

เทคโนโลยีต้องตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ

ซีไอโอในเอเชียแปซิฟิกกำลังขับเคลื่อนวิธีการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ด้วยเทคโนโลยี ซีไอโอมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ได้ริเริ่มโครงการสร้างรายได้ดังกล่าวแล้ว มีการคาดการณ์ว่าโครงการดังกล่าวจะเติบโตถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2563 จากซีไอโอที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการเติบโตขององค์กรควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางธุรกิจซึ่งจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของพวกเขา  รายได้ของบริษัทสามอันดับแรก ได้แก่ งานจัดสรรและการขายข้อมูลให้กับบุคคลที่สาม (22 เปอร์เซ็นต์) จัดการข้อมูลลูกค้า (21 เปอร์เซ็นต์) และให้บริการด้านไอที (20 เปอร์เซ็นต์) เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวการปรับปรุงล่าสุดของกลุ่มผลิตภัณฑ์คลาวด์ไฮบริดชั้นนำของวีเอ็มแวร์ช่วยให้ซีไอโอสร้างรากฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งซึ่งพวกเขาสามารถออกแบบและขยายโมเดลธุรกิจใหม่ได้อย่างคล่องตัว

 

ยกเครื่องซีเคียวริตี้ให้ทันสมัยรองรับความเสี่ยงทางไซเบอร์

 

เนื่องจากซีไอโอในเอเชียแปซิฟิกใช้เทคโนโลยีเพื่อเร่งการทรานส์ฟอร์เมชั่นขององค์กร แผนรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์จึงเป็นหนทางที่สำคัญต่อการสร้างความสำเร็จของธุรกิจ โดยซีไอโอมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ สนับสนุนความต้องการอินเทอร์เน็ตที่จะได้รับการแก้ไขเพื่อต่อสู้กับความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของอาชญากรไซเบอร์ ขณะที่ 36 เปอร์เซ็นต์ ของพวกเขาเชื่อว่าอาชญากรรมไซเบอร์อาจจะนำไปสู่การปิดอินเทอร์เน็ต ซึ่งการพัฒนาล่าสุดจากวีเอ็มแวร์ได้ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อจัดการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์สำหรับองค์กรการกระจายที่ทันสมัยวิสัยทัศน์สถาปัตยกรรมแบบ zero-trust ใหม่ของวีเอ็มแวร์ทำให้การรักษาความปลอดภัยในเชิงรุกสามารถทำได้ด้วยระบบอัตโนมัติพร้อมกันนี้ยังเปิดให้ผู้ดูแลสามารถกำหนดแผนการป้องกันได้ด้วยตนเองอีกด้วย วิสัยทัศน์นี้ยังได้รับการสนับสนุนจากการพาร์ทเนอร์คนสำคัญ Dell เพื่อทำให้ VMware Carbon Black Cloud เป็นโซลูชันด้านความปลอดภัยและจัดการเวิร์คโหลดที่ลูกค้าต้องการ

 

นาย Lionel Lim รองประธานและกรรมการผู้จัดการของเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น Pivotal กล่าวว่า ซีไอโอในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสามารถนำองค์กรของพวกเขาไปสู่แนวทางใหม่ในการทำธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อเศรษฐกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยแอปที่กำลังเติบโตในภูมิภาคนี้ ภายใต้กระบวนการใหม่นี้องค์กรต่าง ๆ ได้ปรับใช้ Kubernetes และโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ที่ช่วยให้จัดการซอฟต์แวร์ที่กำหนดเองอย่างต่อเนื่องบนแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ เพื่อตอบรับการทรานส์ฟอร์มแนวทางการทำธุรกิจของพวกเขา”

 

“ด้วยการมอบประสบการณ์ใช้งานแก่องค์กรที่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมสำหรับนักพัฒนาที่ช่วยให้พวกเขาสามารถควบคุมการทำงานของ Kubernetes ได้อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อสร้าง เรียกใช้ และจัดการแอปพลิเคชันที่ทันสมัย วีเอ็มแวร์จึงนับเป็นผู้ให้บริการที่สามารถส่งต่อนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมแก่ซีไอโอในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้”

 

เกี่ยวกับวีเอ็มแวร์

วีเอ็มแวร์เป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความซับซ้อน บริการคลาวด์, เน็ตเวิร์กกิ้ง, ระบบซีเคียวริตี้และดิจิทัลเวิร์คเพลสของวีเอ็มแวร์พร้อมมอบรากฐานดิจิทัลแบบไดนามิกและมีประสิทธิภาพให้กับลูกค้าทั่วโลก ด้วยความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ โดยสำนักงานใหญ่วีเอ็มแวร์ตั้งอยู่ที่เมืองพาโล อัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย วีเอ็มแวร์ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นพลังสนับสนุนที่ดี จากแนวโน้มและผลกระทบการจัดการนวัตกรรมเชิงพื้นที่ในระดับโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://www.vmware.com/company.html

 

เกี่ยวกับ รายงานหัวข้อ “The Asia-Pacific CIO in 2025: Driving Fundamental Enterprise Change”

 

ข้อมูลของงานวิจัยนี้ได้มาจากการสำรวจของ Forbes Insights ร่วมกับ VMware โดยในเดือนเมษายน พ.ศ. 2562 ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของซีไอโอทั่วโลกจำนวน 652 คน โดยผู้ตอบแบบสำรวจอาศัยอยู่ในยุโรป (39%) อเมริกาเหนือ (31%) และเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (30%) ครอบคลุมอุตสาหกรรม บริการทางการเงิน หน่วยงานรัฐบาล สาธารณสุข การผลิต ค้าปลีก และโทรคมนาคม ผู้ตอบแบบสอบถามทุกคนมาจากบริษัทที่มีรายได้ต่อปีที่หนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมากกว่า โดยมีบริษัทจำนวน 16% ที่มีรายได้ต่อปีที่หนึ่งหมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือมากกว่า

 

เกี่ยวกับ Forbes Insights

Forbes Insights คือการวิจัยเชิงกลยุทธ์และแนวปฏิบัติด้านความเป็นผู้นำทางความคิดของ Forbes Media ซึ่งเป็นบริษัทด้านการสร้างแบรนด์และเทคโนโลยีระดับโลกที่มีแพลตฟอร์มมากมายและสามารถเข้าถึงผู้มีอำนาจในการตัดสินใจทางธุรกิจได้เกือบ 94 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละเดือน โดยเมื่อใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้บริหารระดับอาวุโสในชุมชน Forbes แล้วจะทำให้ Forbes Insights สามารถดำเนินการวิจัยในหัวข้อที่หลากหลายเพื่อกำหนดตำแหน่งของผู้นำทางความคิดและกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ สำหรับการนำเสนอผลการวิจัยมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งในรูปแบบดิจิทัล สิ่งพิมพ์ และการไลฟ์ รวมถึงการเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มสื่อและโซเชียลของ‘Forbes’ด้วย

Comments

comments