สำหรับคนที่รอคอย Router ใส่ซิมและกระจายไวไฟที่รองรับการรวมคลื่นที่ใช้ในประเทศไทยได้ 3 คลื่นคงจะต้องห้ามพลาดกับ Huawei 5G CPE Pro ตัวนี้ เพราะเป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่สามารถหาซื้อได้ ในส่วนของ 5G ผู้เขียนขอมองเป็นประเด็นรอง เพราะเหตุว่าความครอบคลุมยังคงใช้เวลาอีกพอสมควร ถ้าบ้านหรือที่อยู่ใครสามารถรับสัญญาณ 5G ได้ก็ยิ่งตอบโจทก์การใช้งานประสิทธิภาพสูงสุดเพราะความเร็วสูงสุดก็ใช้งานได้ในระดับ Gigabit รองรับคลื่น 5G 2600 MHz ที่เป็นคลื่นหลักในไทยได้เป็นอย่างดี
อุปกรณ์ในกล่องมีคู่มือ สายแลน และตัว Adapter ตัวเครื่องมีน้ำหนัก 700 กรัม
ช่องใส่ซิมจะอยู่ด้านล่างของตัวเครื่องใส่ได้ 1 ซิม และต้องเป็นซิมประเภท Nano SIM
ว่าด้วยสเปคของรุ่นนี้ มาพร้อม ไวไฟ ระดับ AC 5GHz แบบ VHT80 และคลื่น 2.4GHz แบบ Wireless N300 HT40 ในรูปคือเชื่อมต่อกับ S20ultra5G ได้ LinkSpeed 866Mbps
เปิดเครื่องมาใช้งานจะมี Update Firmware ขึ้นมาเตือน แสดงว่ามีรายการอัพเดทรออยู่สามารถอัพผ่านเน็ตที่ใส่ซิมนี้ได้ทันที
การตั้งค่าไวไฟ รุ่นนี้รองรับ Bandwidth สูงสุด 80 MHz เป็นแบบ AC 5GHz เลือกตั้งค่าได้ตั้งแต่ 20-40-80 หรือ Auto การเลือกความกว้างนี้จะมีผลกับ Channel ในการใช้งานด้วย
ช่องสัญญาณ หรือ Channel 5 GHz จะใช้งานได้ตั้งแต่ช่อง 36-64 และ 100-140 ไม่สามารถใช้งานช่อง 149-165 ได้
ทดสอบตั้งค่าเป็นช่อง 64 และความกว้าง หรือ Channel width 80 MHz สามารถใช้งานได้เต็ม 866Mbps LinkSpeed VHT80 AC
ตัวเครื่องสามารถเชื่อมต่อกับสายอากาศภายนอกได้ เมื่อเชื่อมต่อแล้วสามารถเข้ามาแก้ไขใน Advance Setting ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเข้ามาตั้งค่าสถานะไฟแสดงสัญญาณให้ปิดหรือเปิดได้ด้วย
ในส่วนสถานะของการเชื่อมต่อก็สามารถเข้ามาดูได้ทางหน้า Advance Setting ได้เช่นกัน บอกระดับความเข้มและคุณภาพสัญญาณ เราสามารถปรับทิศทางและดูหน้านี้เพื่อจุดเหมาะสมในการวางเพื่อความเร็วที่ดีที่สุดได้
ในส่วนของการตั้งค่าเครือข่ายทั้งหมดไม่สามารถบังคับหรือ Manual ให้จับ 4 หรือ 5G ทุกอย่างเป็นไปโดยอัติโนมัติ
เราสามารถดูปริมาณการใช้งาน สถานะไวไฟ สถานะการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ต่างๆที่กำลังใช้งานผ่าน CPE ตัวนี้ได้ที่หน้า Home
เมื่อเปิดใช้งานตั้งค่าไวไฟเรียบร้อย เราทดสอบครั้งแรกด้วยการเชื่อมต่อกับ Notebook ผ่าน Gigabit port LAN ได้ความเร็วคลื่น 3CA 40 MHz ได้เป็นที่น่าพอใจ
เมื่อทดสอบด้วยการเชื่อมต่อผ่านไวไฟกับ S20Ultra5G (ขวา) เปรียบเทียบกับ iPhone 11 (ซ้าย) ที่ใส่ซิม AIS รองรับ 3CA 40MHz เหมือนกัน Huawei 5G CPE Pro ทำความเร็วได้ดีกว่า iPhone 11
สรุป Huawei 5G CPE Pro ตัวนี้เป็นรุ่นที่ตอบโจทก์การใช้งานในฐานะ Router ที่รองรับเทคโนโลยีสูงสุดทั้ง 4G+ ในระดับ 3CA และ 5G ในระดับ Gigabit ในราคา 12900 บาท ซึ่งถือว่าไม่ได้แพงมากหรือถูกมาก หากเทียบกับรุ่นล่าสุดที่เป็น Huawei 5G CPE Pro 2 ซึ่งรองรับไวไฟ 6 หรือ AX จะมีค่าตัวที่สูงกว่ารุ่นที่เอไอเอสและทรูนำมาจำหน่ายอยู่เกือบเท่าตัว (อ้างอิงจากราคาใน ebay ที่สามารถหาได้) เหมาะสำหรับการนำมาใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันทั้ง Work from home และ Learn from home ได้เป็นอย่างดี คนที่ไม่มีเน็ตบ้านเข้าถึงหรืออยู่หอพักต้องใช้เน็ตไร้สายเพื่อแชร์เน็ตให้กับหลายอุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน Huawei 5G CPE Pro ตัวนี้มีภาครับและเทคโนโลยีรวมคลื่นเพื่อให้สามารถใช้งานได้ประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่ smartphone เรือธงในยุคนี้ทำได้ การลงทุนในครั้งนี้สามารถรองรับการใช้งานอย่าง 5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดและใช้งานแบบไม่ตกยุคได้ไปอีกนาน
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ทางออนไลน์ดังนี้
TrueMove H ซื้อได้ที่ https://store.truecorp.co.th/online-store/item/L91660613
AIS ซื้อได้ที่ https://store.ais.co.th/th/accessories/other/huawei-5g-cpe-pro.html