ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ‘ซีอีโอและผู้ก่อตั้งเสียวหมี่’ กล่าวสุนทรพจน์ความสำเร็จในรอบหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมาและประกาศกลยุทธ์ในอีก 10 ปีข้างหน้า มุ่งเน้นการเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ พร้อมเดินหน้าลงทุนเสริมความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจอินเทอร์เน็ตและในอุตสาหกรรมการผลิต ปูพรมสู่ผู้นำนวัตกรรมสินค้าอัจฉริยะ

ทรงอิทธิพล นำวิถีชีวิตของผู้คนบนโลกแห่งอนาคต

มร.เหลย จุน ประธานบริษัท ซีอีโอและผู้ก่อตั้งเสียวหมี่ กล่าวว่า “ 2020 เป็นปีที่ผิดแปลกไปมาก เป็นปีที่ทั้งโลกต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่  มีสิ่งรอบตัวเกิดขึ้นมากมายทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่อทุกคน ซึ่งทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า”ในเวลาที่ทุกอย่างไม่แน่นอน เราควรจะทำอะไร?” สำหรับเรายังเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้วย  เสียวหมี่นั้นมีอายุครบ 10 ปีในปีนี้ ตอนแรกเราวางแผนที่จะจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ แต่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็ได้ถูกยกเลิกไปเนื่องจากการระบาดครั้งใหญ่ ชีวิตยังคงดำเนินต่อไปและจะต้องแต่งเติมการเฉลิมฉลองลงไปบ้าง ฉะนั้นผมจึงอยากกล่าวสุนทรพจน์เพื่อรำลึกถึงวันครบรอบในปีนี้ และอยากจะกล่าวถึงภาพรวมเส้นทางของเสียวหมี่ให้ทุกคนฟัง”

ความฝันของเราเมื่อสิบปีที่แล้ว ผมได้สร้างเสียวหมี่มากับกลุ่มเพื่อน ในฐานะที่ผมเป็นคนคลั่งไคล้สมาร์ทโฟนและผู้ประกอบการเอง ผมยังไม่เชื่อเต็มร้อย ผมยังไม่เคยย่างกรายเข้าไปในธุรกิจโทรศัพท์มือถือเลยเเม้แต่น้อย ด้วยความฝันของเราาและยังคงเป็นอยู่จนทุกวันนี้ คือ “การสร้างโทรศัพท์ที่ดีที่สุดในโลกในราคาเพียงครึ่งหนึ่งเพื่อให้ทุกคนสามารถซื้อได้” ผมเคยเสนอแนวคิดที่ “น่าเหลือเชื่อ” ในขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีทั้งหลายนั้นมีความเชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์เป็นอย่างมาก  ทำไมเราไม่สร้างและทำการตลาดสมาร์ทโฟนด้วยแนวคิดอินเทอร์เน็ต (ใช้ช่องทางค้าปลีกออนไลน์ ใช้การตลาดแบบเดิมให้น้อยที่สุด และนำเสนอการให้บริการทางอินเทอร์เน็ต)

หากเราสามารถผสานเอาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์และบริการอินเทอร์เน็ตมารวมเข้าด้วยกัน ก็จะนำเราไปสู่เส้นทางเเห่งความสำเร็จ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางตลาดครั้งยิ่งใหญ่ เป็นการเปลี่ยนแปลงกฎที่ท้าทาย ผมคิดทบทวนเรื่องนี้หลายครั้งและในที่สุดก็คิด “ทางลัด” ออก ในอุตสาหกรรมตอนนั้น Motorola มีธุรกิจฮาร์ดแวร์ที่ดีที่สุด Microsoft มีซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดและ Google ก็ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุด ดังนั้นสมมติว่าเราสามารถรวบรวมความสามารถที่ดีที่สุดจากทั้งสามบริษัทนี้ได้  ธุรกิจในรูปแบบ “triathlon หรือ ไตรกีฬา” นี้ก็จะเกิดขึ้นได้

เกร็ดความรู้เรื่อง MIUI anecdotes

ผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์เลย ดังนั้นผมจึงเลือกซอฟต์แวร์ที่ทีมมีความเชี่ยวชาญและเริ่มต้นด้วยระบบปฏิบัติการ ไม่นานหลังจากที่ Android กลายเป็นระบบปฏิบัติการ จากนั้นเราก็กลายเป็นผู้บุกเบิกการพัฒนา Android แถวหน้าในประเทศจีน ตั้งแต่นั้นมา MIUI ก็ได้กลายเป็นที่นิยมในแวดวงผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทั่วโลก ด้วยเมล็ดพันธุ์แห่งโลกาภิวัตน์ของเสียวหมี่ที่หว่านลงไป นี่คือจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม Mi Fan ของเรา ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีจำนวนผู้ใช้ MIUI ก็เกิน 30,000 ราย

จุดกำเนิดของตั้งราคา 1,999 หยวน

Mi 1 (Xiaomi Phone) ราคาเริ่มต้นที่เราวางแผนไว้คือ 1,500 หยวนต่อเครื่อง จากนั้นเราจะขายในราคาทุนที่ประมาณ 1,499 หยวน และเราคาดการณ์ว่าจะขายได้กว่า 300,000 เครื่อง แต่ในเดือนสิงหาคม 2554 ผมก็ได้รับรู้เรื่องราวน่าตกใจจากทีมว่าเราใช้งบเกิน ราคาต้นทุนเครื่องอยู่ที่ 2,000 หยวนต่อเครื่อง เกินมา 500 หยวนกว่าที่เราวางแผนไว้ หากเรายังคงตั้งราคาขายไว้ที่ 1,499 หยวน เราจะขาดทุนประมาณ 200 ล้านหยวน ฉะนั้นเราจะทำอย่างไรดี? เราลองเพิ่มราคาขายปลีกเป็น 1,999 หยวนได้ไหม พวกเราไม่มีใครมีคำตอบ ด้วยราคาสมาร์ทโฟนที่ผลิตในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 700 หยวน แล้วราคาสมาร์ทโฟนเริ่มต้น 1,999 หยวนของเราจะล้มเหลวครั้งใหญ่หรือไม่? เมื่อถึงงานเปิดตัวเวลา 14.00 น. วันที่ 16 สิงหาคม 2554 ก่อนวันเปิดตัวเรากังวลมากว่าเราจะล้มเหลวและจะขายไม่ได้สักเครื่อง แต่หลังจากที่ผมประกาศราคาขายที่ 1,999 หยวน ผู้ชมก็ส่งเสียงปรบมือเป็นเวลาครึ่งนาทีด้วยความตื่นเต้น ผมรู้สึกโล่งใจในทันที “ดูเหมือนว่าเราทำได้แล้ว” หลังจากการเปิดตัวมีการสั่งซื้อล่วงหน้าทางออนไลน์กว่า 300,000 เครื่อง Xiaomi Phone รุ่นแรก (Mi 1) มียอดขายกว่า 7 ล้านเครื่อง

โทรศัพท์ Redmi รุ่นแรกนั้นไม่ใช่แผนของ Redmi แต่เเรก

จากนั้นเราได้รับคำขอจากหน่วยงานกำกับดูแล พวกเขาขอให้เราช่วยขับเคลื่อนซัพพลายเชนการผลิตในประเทศโดยล้อไปกับเทรนด์ของ Xiaomi Phone โดยเมื่อต้นปี 2555 เราได้วาง “โครงการ Redmi” เอาไว้ (โครงการ Hongmi ถ้าสะกดด้วยพินอินจีน) เราตั้งใจที่จะผลิตสมาร์ทโฟนสำหรับทุกคนในจีนและทำงานร่วมกับกลุ่มผูู้ผลิตรายย่อยในประเทศ ซึ่งการผลิตในประเทศยังอยู่ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น ผมยังไม่พอใจใน Redmi รุ่นเเรกเป็นอย่างมาก จึงตัดใจเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดและสูญเงินลงทุนไปกว่า 40 ล้านหยวน Redmi รุ่นแรกที่ทุกคนเห็นทุกวันนี้จริงๆ คือรุ่นที่สอง และในที่สุด วันที่ 31 กรกฎาคม 2556 โทรศัพท์มือถือ Redmi ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งความนิยมของ Redmi นั้นแรงเกินกว่าที่เราคาดไว้ มันเป็นปรากฎการณ์ที่เราสามารถขายได้มากกว่า 44.6 ล้านเครื่อง

บ่มเพาะบริษัทอีโค่ซิสเต็มครอบคลุมมากที่สุด

ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพและนักธุรกิจได้เข้ามาเยี่ยมชมและเรียนรู้จากเสียวหมี่มากมาย ซึ่งเราเองก็ยินดีที่จะเปิดเผยโมเดลธุรกิจทั้งหมดของเรา โดยหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการ และผลักดันการปฏิรูปในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้มากขึ้นด้วยโมเดลธุรกิจของเรา ในปี 2557 เราได้เริ่ม “แผนอีโค่ซิสเต็ม” เพื่อบ่มเพาะสตาร์ทอัพมากขึ้น “กว่าหกปี ที่เราได้บ่มเพาะบริษัทอีโค่ซิสเต็มมากกว่า 100 แห่งและทำการตลาดผลิตภัณฑ์มากกว่า 1,000 รายการซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้ใช้งานของเราเป็นอย่างมาก”

Mi MIX series รุ่นพรีเมี่ยมระดับเรือธง

เกิดขึ้นจากแนวคิดพิเศษที่พัฒนาจากวิศวกรของเราในระหว่างการหารือกันเมื่อต้นปี 2557 ว่าสมาร์ทโฟนในอนาคตจะเป็นอย่างไร? และได้บทสรุปว่าเราจะผลิตสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอเต็มซึ่งไอเดียนี้ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ในเวลานั้น  พวกเขามาปรึกษาผมและผมก็ให้เริ่มโครงการนี้ทันที “มันเป็นไอเดียที่ดีมากๆ เราไม่ควรกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการผลิตจำนวนมากหรือการลงทุนในเวลาและเงินของเรา เราจะต้องทำต่อไปจนกว่าเราจะนำเสนออุปกรณ์นี้ได้ในที่สุด ” โดยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2559 เราได้เปิด Mi MIX เมื่อเราเปิดหน้าจอขึ้นทุกคนต่างก็เกิดความประทับใจ พิพิธภัณฑ์การออกแบบที่มีชื่อเสียงของโลกสามแห่งได้เก็บโทรศัพท์ Mi MIX ไว้ในคอลเลคชันของพวกเขา

คุณภาพผลิตภัณฑ์ต้องมาก่อน

หากกล่าวถึงเรื่องอัตราส่วนราคาต่อประสิทธิภาพของสินค้า ถือเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของเรา แต่ก็เป็นจุดอ่อนของเราเช่นกัน มันยังมีความเข้าใจผิดที่ยังฝังรากลึกในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนว่า “อะไรถูก คือไม่ดี” สิ่งนี้ทำให้เราถูกเข้าใจผิดได้ง่ายและคู่แข่งระดับเดียวกันก็โจมตีเราด้วยข้ออ้างเรื่องนี้ด้วย เสียวหมี่จะประคองตัวในตำแหน่งนี้โดยไม่ถูกโจมตีในระยะยาวได้อย่างไร? เราจะต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์สุดล้ำด้วยคุณภาพระดับสากลนั่นเอง และความพยายามไม่เคยหักหลังใคร การปรับปรุงเหล่านี้ทำให้เราได้รับรางวัลและคำชมมากมายทั้งในจีนและต่างประเทศ ในปี 2562 ผมได้รับรางวัลคุณภาพและเทคโนโลยีชั้นนำระดับประเทศ บทสรุปคือ นวัตกรรมเป็นตัวกำหนดว่าเราจะบินได้สูงแค่ไหนและคุณภาพจะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน

จากหนึ่งทศวรรษสู่ความก้าวหน้าไม่มีที่สิ้นสุด: สามสิ่งที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นมีดังนี้

การเข้าตลาดหลักทรัพย์ IPO: ในระยะเวลา 10 ปีของการเริ่มต้นธุรกิจนี้และเมื่อมองย้อนกลับไป มีช่วงเวลาที่น่าสนใจอยู่สามครั้ง อย่างแรกคือ IPO อย่างไม่ต้องสงสัย ในกระบวนการเสนอขายหุ้น IPO ทั้งหมดสิ่งที่ลืมไม่ได้ที่สุดคือการประกาศ 5% ก่อนการเสนอขายหุ้นของเสียวหมี่ เราได้ประกาศตัดสินใจที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ บริษัทซึ่งสัญญากับผู้ใช้ของเราว่าธุรกิจฮาร์ดแวร์ของเราจะมีอัตรากำไรสุทธิหลังหักภาษีโดยรวมไม่เกิน 5% หากกำไรเกิน 5% เราจะหาวิธีคืนส่วนเกินที่สูงกว่า 5% ให้กับผู้ใช้ของเรา โดยผมบอกพวกเขาว่า “บริษัทที่ดีจะสร้างรายได้และบริษัทที่ยิ่งใหญ่ชนะใจผู้ใช้งาน ถ้าคุณเห็นด้วย สิ่งที่คุณมีในพอร์ตโฟลิโอของคุณก็จะเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม”

เป็นเจ้าของสินทรัพย์: เสียวหมี่แคมปัส ได้เปิดใช้งานในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เป็นครั้งแรกที่เรามีที่อยู่ถาวร “หลังจากย้ายไปย้ายมาและค่อยๆสร้างตัวมาในปักกิ่งตลอดเก้าปี ในที่สุดเราก็ได้ซื้ออสังหาริมทรัพย์อาคารแปดหลังครอบคลุมพื้นที่ 320,000 ตารางเมตรและใช้เงิน 5.2 พันล้านหยวนในการสร้างบ้านหลังนี้”

ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน “Fortune Global 500”: ในที่สุดเราก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน “Fortune Global 500” อย่างเป็นทางการ โดยอยู่ในอันดับที่ 468 วันนี้เราได้รับการจัดอันดับเพิ่มอีกเป็นอันดับที่ 422 เสียวหมี่ได้รับการเปรียบเทียบกับกว่า 500 บริษัท ไม่ว่าจะเป็น Apple, Huawei และ Samsung แม้ว่าจะต้องพยายามอีกมาก แต่เสียวหมี่เพิ่งจะดำเนินธุรกิจมาเพียง 10 ปีเท่านั้น ถ้าคุณมองบริษัทจากแนวโน้มการเติบโตคุณจะพบหลายสิ่งหลายอย่างที่เราทำได้ดีเช่น:

• ในการจัดอันดับบริษัทที่มีนวัตกรรม 50 อันดับแรกของโลกในปี 2563 ของ Boston Consulting Group มี บริษัท จีน 5 แห่งที่อยู่ในรายชื่อ ได้แก่ Huawei, Alibaba, Tencent, JD.com และ เสียวหมี่

• การจัดอันดับโดย Derwent ในรายชื่อนักประดิษฐ์ระดับโลก 100 อันดับแรกในปี 2563 มีบริษัทจีนเพียง 3 แห่งเท่านั้นที่อยู่ในติดอันดับ บริษัทดังกล่าวคือ Huawei เสียวหมี่ และ Tencent

• ในปี 2563 การจัดอันดับของ BrandZ ซึ่งจัดอันดับบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุด 100 อันดับแรกของโลกนั้นได้จัดอันดับโดยมีบริษัทจีน 17 บริษัทที่ติดอันดับซึ่งเสียวหมี่อยู่ที่อันดับ 81

การจัดอันดับดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่าเราทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในด้านนวัตกรรมและการสร้างแบรนด์ แน่นอนว่าเสียวหมี่อาจยังมีระยะทางที่ต้องไปให้ถึงจากสิ่งที่คาดหวังไว้ แต่ผมมั่นใจว่าอัตราการเติบโตของเราจะเกินกว่าที่เราจินตนาการไว้แน่นอน

ด้วยอายุ 10 ปี เสียวหมี่กำลังก้าวเดินสู่วัยผู้ใหญ่ เเรงบันดาลใจอันกล้าแกร่งของเราได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆและได้ลงทุนพัฒนาและวิจัยกว่า 1 หมื่นล้านหยวน ทำให้เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์อันล้ำหน้ามากมายแก่ทุกคน ซึ่งเป็น 10 ปีแห่งการเติบโตของอุตสาหกรรมมือถือ ถิอเป็นเกียรติของเราอย่างยิ่งที่ได้ก้าวไปข้างหน้าในช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ ผ่่านการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น

1. Mi 10 Ultra มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้วย space zoom กว่า 120 เท่า เป็นที่หนึ่งของโลกในการจัดอันดับ DxO Mark  การชาร์จเร็ว 120 วัตต์ การชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50 วัตต์

2. Redmi K30 Ulltra สมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ไม่ทำให้คุณผิดหวังเลยสักนิดในราคา 1,999 หยวนเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อความฝันและช่วง 10 ปีร่วมกันกับ Mi Fans ของเรา

3. ทีวี Mi TV 55 นิ้ว LUX รุ่นโปร่งใส ทีวีโปร่งใสรุ่นแรกของโลก มันเจ๋งมากที่เราได้เปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้

กลยุทธ์ในอนาคตแห่งทศวรรษหน้า

นอกจากความสำเร็จของเราในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาแล้ว เรายังมีความภาคภูมิใจในการก้าวไปสู่ทศวรรษหน้า แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อนและการแข่งขันรุนแรง แต่เราต้องก้าวไปด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน ด้วยสามกลยุทธ์หลัก ดังนี้ :

1. เป็นสตาร์ทอัพอีกครั้ง: ในการพาตัวเองออกจากสถานการณ์ในปัจจุบัน เราจำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นเหมือนช่วงที่เราเป็นสตาร์ทอัพ ความสามารถต้องได้รับการให้ค่า ต้องสร้างแรงจูงใจและคว้าโอกาสเชิงกลยุทธ์ ความได้เปรียบทางธุรกิจ

2. อินเทอร์เน็ต + การผลิต: เราเชื่อในพลังและวิธีการของอินเทอร์เน็ต เราจะยังคงส่งเสริมการผลิตด้วยอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้เราจะมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการผลิตโดยร่วมมืออย่างจริงจังกับพันธมิตรของเราพัฒนาโรงงานผลิตระดับไฮเอนด์จำนวนมากและออกแบบสายการผลิตสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์อัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ โดยกองทุน Xiaomi Industry Fund ได้ลงทุนในบริษัทเซมิคอนดักเตอร์และบริษัทผู้ผลิตอัจฉริยะกว่า 70 แห่งเพื่อทำให้เราเป็น “การผลิตแห่งการผลิต” ในอนาคต

3. วางแผนให้นานขึ้น เดินให้ไกลกว่าเดิม: เราจะประเมินทุกสิ่งในมุมมอง 10 ปีและทำสิ่งต่างๆที่มีคุณค่าในระยะยาวในระหว่างนี้เราจะใช้กลยุทธ์ที่รอบคอบ

ท่านที่สนใจข้อมูลสุนทรพจน์ทั้งหมด สามารถเข้าชมได้ที่ลิ้งค์ https://blog.mi.com/en/2020/08/11/from-10-to-infinity/

Comments

comments