ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา องค์กรทุกขนาดธุรกิจต่างตอบรับสังคมดิจิทัลที่เชื่อมโยงถึงกัน การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากวิธีการทำงานและการเรียนรู้ล้วนอยู่ในรูปแบบกระจายศูนย์ และทำให้ปัจจุบัน บ้านกลายเป็นทั้งออฟฟิศและห้องเรียน ซึ่ง เดลล์ เทคโนโลยีส์ จึงได้ส่งมอบนวัตกรรมที่ช่วยให้อนาคตที่มีข้อมูลอยู่จำนวนมาก และกระจายศูนย์อีกทั้งเชื่อมต่อถึงกันมากขึ้น กลายเป็นความจริง

“กลยุทธ์การปฏิรูปทางดิจิทัลของบริษัท มีความสำคัญยิ่งในปัจจุบัน เราเห็นเทคโนโลยีที่กำลังพลิกโฉมธุรกิจ สังคมและชุมชนทั่วโลก” เจฟฟ์ คลาร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการและรองประธาน เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าว “เราออกแบบโซลูชันและผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อมอบระบบไอทีที่ยืดหยุ่น ฉลาด ปลอดภัยและดำเนินการได้ในแบบอัตโนมัติให้ธุรกิจเพื่อช่วยสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับธุรกิจ”

กลไกแห่งนวัตกรรมช่วยสร้างขุมพลังในการขับเคลื่อนการปฏิวัติสู่ดิจิทัล

เดลล์ เทคโนโลยีส์ กำลังช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับลูกค้ามากขึ้นและพร้อมรับมือกับอนาคต โดยบริษัทได้ลงทุนกว่า 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐในการวิจัยและพัฒนาตลอดระยะ 5 ปีที่ผ่านมาและ ในปี 2019 ก็เป็นปีที่ได้รับสิทธิบัตรจากประเทศสหรัฐอเมริกาสูงสุดเป็นรายที่ 16 พร้อมทั้งยังได้ปรับให้ 90 เปอร์เซ็นต์ของทีมงานระดับโลกทำงานจากระยะไกล ซึ่งเดลล์ ได้เปิดตัวนวัตกรรมหลายอย่างในปีนี้ และ ในไตรมาสที่สอง ก็เห็นถึงการเติบโตของรายได้ที่มาจากใช้งานที่ยืดหยุ่นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริการในรูปของ as-a-Service ที่มีการเติบโตปีต่อปีอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์

1. เดลล์ ได้แนะนำ Dell EMC PowerStore ระบบสตอเรจที่ผสมผสานระบบออโตเมชั่น เข้ากับสื่อ และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลรุ่นล้ำหน้าและสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์แบบใหม่ได้อย่างโดดเด่น

2. เดลล์ ประกาศเปิดตัว Dell EMC PowerScale ผลิตภัณฑ์ในตระกูลระบบสตอเรจที่กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับบริษัทที่ต้องการรวบรวมและบริหารจัดการข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (unstructured data) รวมถึง Dell EMC PowerFlex โซลูชันสตอเรจที่กำหนดการทำงานด้วยซอฟต์แวร์ (software-defined storage solutions) ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานระดับเอ็นเตอร์ไพร์ซพร้อมความยืดหยุ่นสำหรับงานเวิร์กโหลดที่สำคัญมากที่สุดของลูกค้า

3. ความก้าวหน้าด้านไฮบริดคลาวด์ของ Dell Technologies Cloud  ช่วยให้ธุรกิจบริหารจัดการสภาพแวดล้อมคลาวด์ทั้งที่เป็นพับลิก ไพรเวทและเอดจ์ ด้วยความรวดเร็ว มีความเสถียร ปรับขยายขีดความสามารถได้ ให้ความปลอดภัยและประหยัดค่าใช้จ่าย

4. เดลล์ ยังได้ขยายการนำเสนอคลาวด์ด้วย Dell Technologies Cloud PowerScale สำหรับ Google Cloud ซึ่งผสานรวม PowerScale สตอเรจแบบ NAS ของเดลล์ เข้ากับระบบวิเคราะห์และบริการด้านการประมวลผลของ Google Cloud เพื่อรับมือกับเวิร์กโหลดได้ตามความต้องการ

5. เดลล์ ได้สนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันสมัยใหม่ พร้อมให้แนวทางที่ง่ายสำหรับการนำ Kubernetes มาใช้ร่วมกับ VMware Tanzu บน Dell EMC VxRail ระบบโครงสร้างไฮเปอร์คอนเวิร์จระบบเดียวที่ให้การผสานรวมการทำงานร่วมกับสายผลิตภัณฑ์ Tanzu ได้อย่างเต็มรูปแบบ  นอกจากนี้เดลล์ยังช่วยให้ลูกค้ารัน Kubernetes ได้อย่างครอบคลุมด้วย Dell Technologies Cloud Platform พร้อมทั้งมอบระบบบริหารจัดการข้อมูลครบวงจรแบบ end-to-end และการปกป้องเวิร์กโหลดของ Kubernetes ด้วย PowerProtect Data Manager

6. เดลล์ เปิดตัว Enterprise SONiC Distribution by Dell Technologies ที่สนับสนุนโซลูชันเชื่อมต่อเครือข่ายแบบเปิดอย่างเต็มรูปแบบ พัฒนาสำหรับสภาพแวดล้อมดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ในระดับคลาวด์

7. เดลล์ขยายสัมพันธภาพกับ ผู้ให้บริการและเครือข่ายเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับคุณค่าที่ยิ่งใหญ่จากเอดจ์ นอกจากนี้ เดลล์ ยังได้เปิดตัวระบบ Dell EMC VxRail ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับสภาพภูมิอากาศและแรงกระแทกที่สูงกว่าปกติ พร้อมด้วย Dell EMC PowerEdge XE2420 เซิร์ฟเวอร์ที่สมบุกสมบันในขนาดกะทัดรัด ที่ให้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยสำหรับการใช้ระบบวิเคราะห์ในส่วนเอดจ์  

8. Dell EMC Ready Solutions ช่วยรองรับงานเวิร์กโหลดด้าน AI ได้อย่างเรียบง่ายและขยายขีดความสามารถได้ ด้วยการเข้าถึงทรัพยากร GPU ได้ด้วยตัวเอง โดยช่วยให้ลูกค้าใช้งาน “AI ได้ในทุกที่”

9. การใช้ Dell SafeBIOS Off-Host Verification ร่วมกับ VMware Carbon Black Cloud Audit and Remediation ก็จะช่วยให้ทีมไอทีและทีมรักษาความปลอดภัยสามารถมองเห็นและเข้าถึงการทำงานของ BIOS ในพีซีเดลล์ ไม่ว่าพนักงานจะทำอยู่ที่ไหนก็ตาม

10. เดลล์ ขยายสายผลิตภัณฑ์พีซี ด้วยสายผลิตภัณฑ์คอมเมอร์เชียลที่ให้ความเป็นอัจฉริยะมากที่สุด ปลอดภัยและยั่งยืนที่สุดในอุตสาหกรรม รวมถึง พีซีเพื่อธุรกิจที่มอบขุมพลังจากอินเทลที่ให้ความสามารถด้าน 5G เป็นตัวแรกในอุตสาหกรรม โดยช่วยให้มืออาชีพด้านโมบายสามารถเข้าถึง 5G ด้วยความเร็วเป็นพิเศษ พร้อมความสามารถด้านการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้

การกำหนดรูปแบบอนาคตทางดิจิทัล

ลูกค้าของเดลล์ เทคโนโลยีส์ นำเทคโนโลยีและการบริการของบริษัทมาใช้เพื่อปรับปรุงธุรกิจและสังคม

ตัวอย่างเช่น The University of Pisa ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกระบบคอมพิวติ้งประสิทธิภาพสูง (high performance computing) และเป็นผู้ใช้งาน Dell EMC PowerStore และ PowerScale storage โดยในช่วงจุดสูงสุดของวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศอิตาลี เดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้ส่งเสริมศักยภาพด้านการประมวลผลของทางมหาวิทยาลัยด้วยอุปกรณ์ all-flash ทำให้สามารถสนับสนุนการวิจัยด้านโควิด-19 ของโรงพยาบาล Santa Chiara ในขณะเดียวกันก็สามารถสนับสนุนโครงการวิจัยด้านเคมีโดยใช้ AI พร้อมบริการที่แบ่งปันการใช้มัลติ-คลาวด์ร่วมกัน กับหน่วยงานที่ดูแลด้านการจัดการ รวมถึงโรงพยาบาลและเมืองในแคว้นทัสคานีได้

Medacist  ผู้สร้างนวัตกรรมด้านการวิเคราะห์เพื่อตรวจจับการเบี่ยงเบนของยา ได้เปิดตัวการนำเสนอแพลตฟอร์มที่ใช้ SaaS ในชื่อ Genesis ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ขุมพลังของ AI มาช่วยในการนำข้อมูลจากระบบสารสนเทศทางการแพทย์มาวิเคราะห์เพื่อบ่งชี้ความปกติเพื่อตรวจจับการเบี่ยงเบนของการใช้ยา ซึ่งการใช้เซิร์ฟเวอร์ Dell EMC PowerEdge และสตอเรจ PowerScale รวมถึง CloudIQ เพื่อการตรวจสอบการทำงานของสตอเรจ และ PowerProtect DD ช่วยให้ Medacist สามารถลดเวลาในการประมวลผลข้อมูลจาก 24 ชั่วโมงเหลือแค่ 5 นาที

การแจ้งเกี่ยวกับนวัตกรรมแห่งอนาคต

ในขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2020 บรรดาซีไอโอได้มีการทบทวนการใช้จ่ายด้านไอที ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าบริษัทเหล่านี้จะลงทุนด้านไอทีในปีนี้ด้วยงบประมาณเกือบ 3.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สอดคล้องตาม ดัชนีการปฏิรูปสู่ดิจิทัลของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ในปี 2020 บริษัทต่างๆ ได้เร่งการนำเทคโนโลยีมาใช้ในสภาพธุรกิจปัจจุบัน แค่เพียงไม่กี่เดือน 80 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจได้เร่งนำโปรแกรมในการปฏิรูปสู่ดิจิทัลอย่างน้อยบางโปรแกรมมาใช้อย่างรวดเร็ว

“ในเวลาที่โลกกำลังหาหนทางไปในปีที่ยากลำบากและไม่มีความแน่นอน สิ่งที่ชัดเจนคือเทคโนโลยีมีความสำคัญและสร้างผลกระทบมากยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านๆ มา” คลาร์ก กล่าว “ช่วงปี 2020 เราได้เห็นองค์กรมากมายนำเทคโนโลยีมาใช้กันมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่กำหนดทศวรรษถัดไป”

Comments

comments