กรุงเทพฯ 30 พฤศจิกายน 2563 – กระทรวงอุตสาหกรรม แถลงผลสําเร็จการส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจเบื้องต้น หรือ สตาร์ทอัพ (Startup) ให้สามารถดําเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านกระบวนการบ่มเพาะและเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนเพื่อสร้างธุรกิจ โดยมอบหมาย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) คัดเลือกสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพภายใต้การบ่มเพาะกว่า 35 กิจการ ปั้นต่อให้ดีพร้อม จากทีมกูรูดีพร้อม (DIProm Guru) ที่คอยเป็นพี่เลี้ยงให้คําแนะนําอย่างใกล้ชิด มี 6 กิจการ ที่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน มูลค่ากว่า 350 ล้านบาท
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสําคัญกับผู้ประกอบการในทุกระดับผ่านการสร้างระบบนิเวศน์อุตสาหกรรมที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดศักยภาพและสร้างขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ จึงถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดําเนินการ ภายใต้นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจของประเทศไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจเบื้องต้น หรือ สตาร์ทอัพ (Startup) ซึ่งถือเป็นน้องใหม่ในภาคอุตสาหกรรม และส่วนใหญ่เกิดจากศักยภาพของคนรุ่นใหม่ที่มีฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ยังขาดแรงสนับสนุนจากภาครัฐ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงจําเป็น
ต้องสนับสนุนและส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นสตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและมีโอกาสทางธุรกิจขยายผลสู่เชิงพาณิชย์ได้จริง
ขณะเดียวกัน พบว่าปัจจุบันมีบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพจํานวนมากให้ความสนใจร่วมลงทุนในธุรกิจของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจด้านเทคโนโลยีขั้นสูง หรือ Deep Technology ดังนั้น จึงได้สั่งการให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ดำเนินโครงการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและการตลาดสําหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ โครงการสตาร์ทอัพคอนเน็ค (Startup Connect) โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญพิเศษ หรือ ทีมกูรูดีพร้อม (DIProm Guru) ให้คําปรึกษาตลอดการวางแผนธุรกิจอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งมีความพร้อมที่จะเข้าสู่เชิงพาณิชย์
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ระบุว่า กสอ. ขานรับนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ผ่านมา กสอ. ได้มีโครงการส่งเสริมสตาร์ทอัพมาอย่างต่อเนื่อง สําหรับโครงการในปีนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการส่งเสริมสตาร์ทอัพไทยผ่านความร่วมมือกับภาคเอกชนที่ให้ความสนใจร่วมลงทุนสตาร์ทอัพในกลุ่ม Deep Technology ซึ่งถือได้ว่ามีโอกาสต่อยอดธุรกิจได้ในปัจจุบัน จึงได้จัดตั้ง ทีมกูรูดีพร้อม (DIProm Guru) เข้าไปบ่มเพาะและดําเนินการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ในระยะเริ่มต้น (Early Stage) เพื่อให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่และต้นแบบเชิงนวัตกรรมในการนำไปทดสอบเชิงพาณิชย์ จากนั้นจึงจะดําเนินการขับเคลื่อนและเชื่อมโยงธุรกิจร่วมลงทุนภาคเอกชน (Venture Capital: VC) เพื่อให้เกิดการเจรจาธุรกิจที่มีประสิทธิภาพส่งผลดีต่อทั้งผู้ประกอบการและภาคเอกชนผู้ร่วมลงทุน ซึ่งโครงการนี้มีสตาร์ทอัพ 35 กิจการ ที่ผ่านการบ่มเพาะจาก กสอ. ให้ความสนใจและได้นำเสนอรายละเอียดทางธุรกิจให้กับ VC ในเครือข่าย กสอ. ซึ่งรวมถึง บริษัท อีซีจี-รีเซียร์ช จำกัด โดยมีสตาร์ทอัพได้รับคัดเลือกให้นำเสนอไอเดียหรือธุรกิจในรอบสุดท้าย จำนวน 6 กิจการ ที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากบริษัทฯ คิดเป็นมูลค่า 350 ล้านบาท
ในขณะเดียวกัน กสอ. ยังได้ส่งเสริมผู้ประกอบสตาร์ทอัพมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ สตาร์ทอัพในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ทําให้สามารถดําเนินธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังมีเครือข่ายภาคเอกชนที่พร้อมสนับสนุนเงินทุนสําหรับผู้ประกอบการในการต่อยอดสู่เป้าหมายในเชิงพาณิชย์ เพื่อให้สามารถดําเนินธุรกิจในภาวการณ์ต่าง ๆ นายณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย