LINE ตอกย้ำถึงการเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลอันดับ 1 ที่คนไทยเลือกใช้งานตลอดปี 2563 ด้วยยอดผู้ใช้ประจำต่อเดือนสูงถึง 47 ล้านคน เผยบทสรุปวิวัฒนาการของแอปฯ แชท LINE ซึ่งเป็นบริการหลักในด้านการสื่อสารตลอดปี 2563 ที่แต่ละฟีเจอร์ ฟังก์ชั่นที่อัพเดทล้วนผ่านการคิดวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้อย่างเข้มข้น ก่อนจะนำเสนอออกมาตอบสนองการใช้งานได้อย่างตรงจุด สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี มาอำนวยความสะดวก และช่วยให้การสื่อสารสะดวกรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม เป็นเสมือนผู้ช่วยคนรู้ใจของผู้ใช้ทุกคน
โดย LINE ไม่ได้เป็นเพียงเพื่อนรู้ใจในเวลาปกติเท่านั้น แต่ในช่วงวิกฤตที่ทุกคนต้องปรับวิถีการดำเนินชีวิตสู่ New Normal Lifestyle LINE ได้เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การปรับตัวของผู้คนนั้นง่ายขึ้นไปอีก ด้วยแนวคิดในการใช้ไอเดียและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีต่างๆ มายกระดับและตอบโจทย์ทุกวิถีชีวิตและความต้องการทั้งผู้ใช้งานส่วนบุคคลและธุรกิจให้ได้ประโยชน์เต็มที่และมีประสิทธิภาพแท้จริง
(วิดีโอ “ใช้ LINE ชีวิตสบายกว่าที่คิด”: https://www.youtube.com/watch?v=B15qwqsrDiU)
ในปี 2563 เพียงปีเดียว LINE ได้พัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมใน LINE Chat เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนมากมายที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ต่างๆ ตลอดปี ไม่ว่าจะเป็นในช่วงแรกของสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 LINE ยังคงทำหน้าที่เป็นช่องทางการสื่อสาร อัพเดทข้อมูลสถานการณ์ให้คนไทยได้เป็นอย่างดีผ่าน “โควิด-19 อินโฟ ฮับ” ในรูปแบบ Mini App ในหน้า Home และบน LINE Thailand Official Account เน้นให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลโควิด-19 ได้สะดวก ครบครัน และรวดเร็ว พร้อมเป็น “นักปฏิวัติฉีกกฎเดิม” ด้วยการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการสื่อสารช่วงกักตัว เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่น Explore ในหน้า Timeline เพื่อเป็นหน้าแสดงผลโพสต์ต่างๆ ตามความสนใจของผู้ใช้ให้เลือกกดติดตามได้ตามใจชอบ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกันใน LINE สร้างอิสระให้กับผู้ใช้ แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นส่วนตัว และในเวลาต่อมา LINE ยังเพิ่มลูกเล่นความ “ทันสมัยไม่หลุดเทรนด์” ด้วย LINE Avatar ฟีเจอร์สร้างคาแรคเตอร์เสมือนจริงทั้งแบบนิ่งและเคลื่อนไหว ไว้สร้างสีสันในแชทและบนโลกโซเชียลไปกับความล้ำด้วยเทคโนโลยี AR เป็นต้น
ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้งานพูดถึง LINE Chat มากที่สุด หนีไม่พ้นบทบาท “ออฟฟิศเสมือนจริง” ด้วยข้อจำกัดในการทำงานช่วงโควิดที่ผ่านมา พฤติกรรม Work from Home ทำให้ผู้คนหันมาใช้เครื่องมือดิจิทัล ทดแทนการทำงานในสำนักงานและใช้สำหรับธุรกิจมากขึ้น ซึ่งหลายฟังก์ชันถูกพัฒนาให้โดนใจและดีกว่าเดิม อาทิ LINE Meeting ฟีเจอร์อำนวยความสะดวกในการประชุมออนไลน์ ชวนชาวออฟฟิศสร้างลิงก์ส่งให้เข้าร่วมประชุมได้ง่ายๆ พร้อมเอฟเฟกต์ ฟิลเตอร์มากมายเปลี่ยนรูปแบบการประชุมงานผ่าน LINE ให้สะดวก รวดเร็วและมีสีสันมากขึ้น หรือแม้แต่ Keep Memo ห้องแชทส่วนตัว สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลหลายรูปแบบ โดยสามารถแชร์จากห้องแชทอื่นมาเก็บไว้ดูคนเดียวภายหลังได้ อีกทั้งการปรับโฉมหน้า Home & Wallet ยิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ LINE เข้าถึงข้อมูลและบริการต่างๆ ทั้งในด้านไลฟ์สไตล์และการใช้จ่ายสะดวกและง่ายขึ้นไปกว่าเดิม
อีกหนึ่งการพัฒนาเพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านการสื่อสารของ LINE Chat ก็คือ LINE Call ทั้งการใช้งาน Voice call และ VDO call ที่มียอดการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้นเกิน 200% เมื่อเทียบเดือนม.ค. และ มี.ค. 2563 แต่นั่นก็ไม่ทำให้ LINE หยุดพัฒนานวัตกรรมต่อยอด เพราะช่วงกลางปีที่ผ่านมา LINE ส่งฟีเจอร์ Watch Together ให้แชร์หน้าจอหรือดูวิดีโอยูทูปพร้อมกันใน LINE Group Call ได้ และเพิ่มจำนวนคนรองรับ LINE Call ได้มากสุดถึง 500 คน
ทั้งฐานผู้ใช้งานจำนวนมาก ความถี่การเข้าใช้งานในอัตราสูง และการพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดนิ่ง ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา กล่าวได้ว่า LINE ได้กลายเป็นเหมือนปัจจัย 5 ในการใช้ชีวิตของคนไทย ด้วยการเป็นช่องทางสำคัญทำให้การใช้ชีวิตในยุค New Normal ง่ายและสะดวกขึ้น ลดช่องว่างและเชื่อมโยงคนไทยให้เข้าถึงข้อมูล บริการต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ LINE กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าใจคนไทย และพร้อมเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการดำเนินชีวิต (Life Infrastructure) ที่จะตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ของคนไทยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปอย่างแน่นอน และในเร็วๆ นี้ LINE จะมีการปรับปรุง UI (User Interface) โดยปรับเปลี่ยนตำแหน่งฟังก์ชั่นการใช้งานบางจุดและสีพื้นของแอปฯ ให้ผู้ใช้สะดวกและเห็นง่ายขึ้นอีกด้วย
#LINETHAILAND #ใช้LINEชีวิตสบายกว่าที่คิด #LifeonLINE