กรุงเทพฯ – (18 กุมภาพันธ์ 2564) หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ ‘ไฮเออร์ (Haier)’ แบรนด์ชั้นนำระดับโลกด้านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ผู้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ประสบการณ์ผู้ใช้งานมาอย่างยาวนาน ซึ่งไฮเออร์ได้เริ่มต้นการทำธุรกิจจากความท้าทาย และกล้านำเอาประสบการณ์ของผู้ซื้อสินค้าเป็นที่ตั้งในการดำเนินธุรกิจ โดยเริ่มจากการทำโรงงานตู้เย็นขนาดเล็กในเมืองชิงเต่า สาธารณรัฐประชาชนจีน และต่อยอดเป็นนวัตกรรมอื่นๆ ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นอย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบัน

เป็นเวลากว่า 37 ปี ที่แบรนด์ไฮเออร์โลดแล่นอยู่ในอุตสาหกรรม และผ่านวิกฤตการณ์มาหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะในช่วงที่ก้าวสู่วิกฤตขาลงในการดำเนินธุรกิจจนก่อให้เกิดสภาวะหนี้สิน บริษัทขาดทุน และเกือบล้มละลาย แต่ด้วยความที่แบรนด์มีหลักการในการดำเนินงานทางด้านธุรกิจที่มั่นคงโดยยึดมั่นหลักการพัฒนาเรื่อง “การให้ความสำคัญกับคุณค่าของมนุษย์” หรือที่ไฮเออร์เรียกกันว่า RenDanHeyi (เหรินตันเหออี) ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน เป็นแนวคิดร่วมสมัยผสมผสานกับความเป็นสากล คิดค้นโดย คุณจาง รุ่ยหมิ่น ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มบริษัทไฮเออร์ และไฮเออร์ได้นำเอาแนวคิดนี้มาหลอมรวมเพื่อพัฒนาองค์กร โดยให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ วัฒนธรรม และสังคม ในกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป จนทำให้พนักงานมีแรงผลักดันในการพัฒนาบริษัทให้กลับมามีศักยภาพอีกครั้ง สามารถพลิกเกมธุรกิจจนกลายเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจนถึงปัจจุบัน

 

RenDanHeyi คืออะไร?

ในความหมายภาษาจีน คำว่า “Ren” หมายถึง พนักงาน คือการเน้นให้ความสำคัญกับพนักงานมาก่อน (Human Value First) พนักงานไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ปฏิบัติงานหรือรับคำสั่งเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ประกอบการและเป็นพันธมิตรของบริษัทที่ได้รับสิทธิ์ 3 ข้อ ได้แก่ สิทธิ์ในการตัดสินใจในองค์กร สิทธิ์ด้านทรัพยากรบุคคล และสิทธิ์ในการใช้ทรัพยากรได้อย่างทั่วถึง และผลักดันให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านความถนัดเฉพาะทาง การทำงานร่วมกับทีม และสำคัญที่สุดคือความกล้าที่จะทดลองสิ่งใหม่ และกล้าตัดสินใจ

“Dan” หมายถึง คุณค่า และความต้องการของผู้ใช้งาน โดยพนักงานในองค์กรจะต้องเข้าใจถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์และบริการรวมทั้งงานที่ได้รับมอบหมาย แทนที่จะเป็นเพียงแค่การรับคำสั่งจากหัวหน้างานเท่านั้น แต่จะต้องเห็นความสำคัญของงานที่กำลังทำอยู่และส่งผ่านค่านิยมเหล่านี้ระหว่างพนักงานด้วยกันเอง เพื่อส่งต่อคุณค่าเหล่านี้ไปสู่ผู้ใช้สินค้า และมีการเรียนรู้ที่จะรับฟังความต้องการของผู้ใช้อย่างจริงใจ (Lifelong Users Experience)

ส่วนคำว่า “Heyi” หมายถึง การบูรณาการเอาประสิทธิภาพของพนักงานในองค์กรมาตอบสนองและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง โดยพนักงานทุกคนจะต้องเข้าใจคุณค่าของตนผ่านการสร้างคุณค่าให้กับผู้ใช้งาน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้ารู้สึกอยากกลับมาใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทซ้ำๆ (Experience Iteration is King) โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลักการ Rendanheyi ได้รับการยอมรับและพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญและองค์กรชั้นนำระดับโลกแล้วว่า เป็นรูปแบบการจัดการแบบ Disruptive ที่แท้จริงโมเดลแรกของโลก นับตั้งแต่การปฏิรูปอุตสาหกรรมครั้งที่ 4

ในขณะที่แนวคิดและหลักการในการบริหารจัดการองค์กรแบบดั้งเดิม (Traditional Model) จะเน้นให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้นของบริษัทมาก่อน (Shareholders First) โดยที่ไม่คำนึงถึงตัวพนักงานที่ทำงานให้องค์กร และเน้นจำนวนลูกค้าให้ได้มากที่สุด (Customers Transaction) แต่ไม่ได้เน้นสร้างความประทับใจเพื่อให้ได้ลูกค้าระยะยาว ไม่ได้สร้างคุณค่าของงานที่พนักงานรู้สึกภาคภูมิใจ ซึ่งสะท้อนออกมาผ่านผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับจำนวนของลูกค้า หรือ Customer Traffic is King มากกว่าการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้ารู้สึกอยากกลับมาใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อีกครั้ง ซึ่งหลักการการบริหารองค์กรแบบดั้งเดิมนี้ กำลังถูกท้าทายด้วยวิธีการในโลกสมัยใหม่ และอาจจะไม่ใช่คำตอบสำหรับองค์กรในยุค IoT ที่ต้องการทรานส์ฟอร์มไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน

หลักการพัฒนาองค์กรแบบ RenDanHeyi ช่วยให้ไฮเออร์รอดพ้นวิกฤตครั้งนั้นมาได้ และเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยยอดขายทั่วโลกเติบโตขึ้นเฉลี่ยรวมกว่า 75% จากปีก่อนหน้า (พ.ศ. 2561) จากความสำเร็จครั้งนี้ ทางกลุ่มบริษัทไฮเออร์ได้ทำการจดทะเบียนบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 4 บริษัท บริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์น 2 บริษัท  อีกทั้งสร้างบริษัทที่เตรียมเป็น
ยูนิคอร์นและกาเซลล์ 12 บริษัท ก่อตั้งศูนย์วิจัยใหญ่ 10 แห่งทั่วโลก นิคมอุตสาหกรรม 25 แห่ง รวมทั้งศูนย์ปฏิบัติการ 112 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ สถาบันวิจัยผลิตภัณฑ์ไฮเออร์ (Haier Model Research Institute หรือ HMI)

โดยในปัจจุบันหลักการบริหารองค์กรแบบ RenDanHeyi ถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรของ ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน (Southeast Asia Center หรือ SEAC) ที่มุ่งเดินหน้ายกระดับศักยภาพคนและองค์กรผ่านการเรียนรู้ (Empower Lives through Learning) โดยได้ร่วมกับสถาบันวิจัยผลิตภัณฑ์ไฮเออร์ (Haier Model Research Institute หรือ HMI) จัดตั้งศูนย์วิจัยและจัดการนวัตกรรมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Innovation Management Research Center หรือ IMRC) เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมองค์กรและการเรียนรู้เชิงประยุกต์ ส่งมอบชุดความคิดทักษะ และชุดเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้ที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว สำหรับองค์กรทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เตรียมพร้อมทรานส์ฟอร์มองค์กรในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จ และเพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้ในตลาดหรือก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเกมได้อย่างทันท่วงที โดยโมเดลนี้จะมุ่งสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้คุณภาพ ยกระดับศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในประเทศไทย ผ่านการเข้าถึงองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านการทรานส์ฟอร์มองค์กร จากเครือข่ายองค์กรและสถาบันชั้นนำระดับโลก

Comments

comments