กรุงเทพฯ – 2 มีนาคม 2564 – ซีเมนส์ ไอบีเอ็ม และเร้ดแฮท ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่ ที่จะเป็นการนำระบบไฮบริดคลาวด์ที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อนำเสนอโอเพ่นโซลูชั่นที่ยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ผลิตและโรงงานอุตสาหกรรม โดยโซลูชั่นดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการใช้ข้อมูลการปฏิบัติงานแบบเรียลไทม์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ จากรายงานของไอบีเอ็มระบุว่า ในช่วงเวลาหนึ่งเดือน โรงงานผลิตหนึ่งแห่งสามารถสร้างข้อมูลได้มากกว่า 2,200 เทราไบต์ แต่ข้อมูลส่วนใหญ่กลับไม่ได้ถูกนำไปวิเคราะห์เพื่อกลั่นกรองเป็นข้อมูลเชิงลึก
ภายใต้โครงการความร่วมมือในครั้งนี้ กลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมดิจิทัลของซีเมนส์ (Siemens Digital Industries Software) จะใช้เทคโนโลยีโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ของไอบีเอ็ม ซึ่งสร้างขึ้นบน Red Hat OpenShift เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน MindSphere® ซึ่งเป็นโซลูชั่นการบริการ IoT ภาคอุตสาหกรรมจากซีเมนส์ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถรันระบบ MindSphere ที่ติดตั้งไว้ภายในองค์กรเพื่อเพิ่มความรวดเร็วและความคล่องตัวสำหรับการปฏิบัติงานภายในโรงงาน ควบคู่ไปกับการใช้งานผ่านระบบคลาวด์เพื่อรองรับการซัพพอร์ตผลิตภัณฑ์ การอัปเดต และการเชื่อมต่อระดับองค์กรอย่างไร้รอยต่อ
เรย์มอนด์ ค็อก รองประธานอาวุโส ฝ่ายโซลูชั่นคลาวด์แอปพลิเคชั่น กลุ่มธุรกิจ Digital Industries Software ของซีเมนส์ กล่าวว่า “ในปัจจุบัน ผู้ผลิตต้องการความคล่องตัวและความยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงขึ้น โดยจะต้องสามารถดำเนินการผลิตได้รวดเร็วกว่าเดิม โซลูชั่น MindSphere ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกที่เหมาะสมเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยเทคโนโลยี IoT สำหรับภาคอุตสาหกรรม และตอนนี้ภายใต้ความร่วมมือกับไอบีเอ็มและเร้ดแฮท เราจะสามารถมอบความยืดหยุ่นให้แก่ลูกค้าในการเลือกว่าจะใช้งาน MindSphere ภายในองค์กร หรือบนระบบคลาวด์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างในด้านการดำเนินงาน พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ ความคล่องตัว และการตอบสนองที่ฉับไวต่อสภาพตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน”
มานิช ชอว์ลา ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายพลังงาน ทรัพยากร และการผลิตของไอบีเอ็ม กล่าวว่า “เราพบว่าข้อมูลด้านอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นนอกระบบไอที เช่น ข้อมูลส่วนใหญ่อยู่ในกระบวนการผลิต ซัพพลายเชน หรือผลิตภัณฑ์ที่มีการเชื่อมต่อ อย่างไรก็ดี ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล ผู้ผลิตเลือกที่จะส่งข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ขององค์กร หรือติดตั้งใช้งานเทคโนโลยีในจุดนั้น ๆ ความร่วมมือระหว่างไอบีเอ็มและซีเมนส์เป็นการใช้ระบบไฮบริดคลาวด์ เพื่อให้ผู้ผลิตได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีทั้งสองแบบ โดยจะเพิ่มความรวดเร็วและความสามารถในการควบคุมข้อมูลภายในโรงงาน ซึ่งถูกประมวลผลด้วยระบบที่ติดตั้งไว้ที่ส่วนรอบนอกของเครือข่าย ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบขององค์กรได้อย่างไร้รอยต่อ”
ดาเรลล์ จอร์แดน-สมิธ รองประธานอาวุโส ฝ่ายอุตสาหกรรมและลูกค้าทั่วโลกของเร้ดแฮท กล่าวว่า “ความร่วมมือของเร้ดแฮทกับซีเมนส์จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานของภาคการผลิต ด้วยการปรับใช้แพลตฟอร์ม Kubernetes และระบบโอเพ่นไฮบริด แพลตฟอร์ม Red Hat OpenShift ที่ใช้รองรับ MindSphere จะช่วยลดความยุ่งยากซับซ้อน โดยผู้ผลิตจะสามารถปรับใช้วิธีการหนึ่งเดียวในการใช้งาน MindSphere ทั้งภายในองค์กรและในระบบคลาวด์ ดังนั้นผู้ผลิตจึงสามารถทุ่มเทเวลาให้กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างเต็มที่ และปรับปรุงผลประกอบการธุรกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ”
ที่ปรึกษาจากกลุ่มธุรกิจ Global Business Services และ Global Technology Services ของไอบีเอ็ม จะทำหน้าที่ให้บริการด้านการจัดการและจัดหาโซลูชั่น IoT สำหรับลูกค้าที่ใช้ MindSphere ของซีเมนส์
องค์กรต่าง ๆ ใช้ MindSphere เพื่อเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์จากเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งไว้ในผลิตภัณฑ์ โรงงาน ระบบ และเครื่องจักรต่าง ๆ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผลิตภัณฑ์ เครื่องมือและเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต รวมถึงกระบวนการผลิต โดยครอบคลุมห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) ทั้งหมด และสร้างแบบจำลอง Digital Twin ในแบบเรียลไทม์ ด้วยการปรับใช้ Red Hat OpenShift ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Kubernetes ชั้นนำสำหรับสถาปัตยกรรมที่ติดตั้งในองค์กร ลูกค้าจะได้รับความยืดหยุ่นในการรันโซลูชั่น MindSphere บนระบบคลาวด์ภายในองค์กร หรือในแอปพลิเคชั่นรุ่นใหม่ผ่านรูปแบบไฮบริด มัลติคลาวด์ ทั้งยังรองรับการกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกจากภาคสนามไปยังองค์กร ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ ซีเมนส์และไอบีเอ็มจะช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมข้อมูลในทางกายภาพได้อย่างเต็มที่ เพื่อรองรับการปฏิบัติตามกฎระเบียบและรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
โครงการที่เปิดตัวในวันนี้เป็นการพัฒนาต่อยอดความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างไอบีเอ็มและซีเมนส์ รวมไปถึงการพัฒนาโซลูชั่นร่วมกับ IBM Maximo ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ โดยจะช่วยยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์และเครื่องจักรอุตสาหกรรม ด้วยการผนวกรวมข้อมูลด้านวิศวกรรม การปฏิบัติงาน และการบำรุงรักษาไว้บนแพลตฟอร์มเดียวกัน
ความร่วมมือกับซีเมนส์ถือเป็นส่วนหนึ่งในโครงการระบบนิเวศน์ของไอบีเอ็ม ซึ่งมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อเร่งการปรับใช้ระบบไฮบริดคลาวด์และสถาปัตยกรรมแบบโอเพ่นในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ๆ เช่น การผลิต พลังงาน สมาร์ทซิตี้ โทรคมนาคม และบริการด้านการเงิน ซีเมนส์ใช้ประโยชน์จากกองทุน Cloud Engagement Fund ของไอบีเอ็ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ของไอบีเอ็มสำหรับการสร้างระบบนิเวศน์ โดยซีเมนส์ใช้ทรัพยากรด้านเทคนิคและคลาวด์เครดิต เพื่อรองรับการโยกย้ายเวิร์กโหลดของลูกค้าไปยังสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์
การดำเนินการเหล่านี้มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งก่อให้เกิดความจำเป็นเร่งด่วนในการเพิ่มความรวดเร็วฉับไวในการนำสินค้าและบริการใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด รวมไปถึงการเพิ่มความยืดหยุ่นและความคล่องตัวเพื่อผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง