ผลการสำรวจบรรดาผู้นำธุรกิจทั่วโลก พบว่า 1 ใน 3 ของความรู้ที่จำเป็นต่อการดำเนินองค์กรให้ประสบความสำเร็จใน 10 ปีข้างหน้า จะเป็นความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่และดาต้า ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากกว่าความรู้แขนงอื่น ๆ ที่จำเป็น ถึง 4 เท่า
ผลสำรวจดังกล่าวคือรายงานฉบับล่าสุดจาก ThoughtWorks บริษัทที่ปรึกษาด้านซอฟต์แวร์ระดับโลก โดยเป็นการสำรวจความเห็นผู้บริหารระดับสูงเกือบ 1,000 คน จาก 12 ประเทศ เกี่ยวกับการให้น้ำหนักความรู้แขนงต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อผู้นำองค์กรใน 10 ปีข้างหน้า ซึ่งพบว่า ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่และดาต้า มีสัดส่วนความสำคัญมากที่สุด 31% รองลงมาคือ ความรู้ทางด้านการเงิน 8% ความรู้ทางด้านการตลาด 7% และความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 6%
หากแบ่งตามภาคอุตสาหกรรมแล้ว ผู้บริหารระดับสูงในภาคการเงินจะให้ความสำคัญกับความรู้ด้านเทคโนโลยีมากที่สุด 36% ตามมาด้วยผู้บริหารในอุตสาหกรรมยานยนต์และการคมนาคมขนส่ง 34% และหากเทียบในแง่ของบริษัทรุ่นใหม่ที่มีอายุไม่ถึง 5 ปี จะให้น้ำหนักกับความรู้ด้านนี้ถึง 34% เมื่อเทียบกับบริษัทที่มีอายุมากกว่า 10 ปี ซึ่งให้น้ำหนักที่ 29%
ผลการสำรวจดังกล่าวยังบ่งชี้ว่า ผู้บริหารองค์กรที่ให้น้ำหนักกับเทคโนโลยีน้อยที่สุด ยอมรับด้วยว่า พวกเขาตกเป็นผู้ตามในด้านความสามารถในการใช้เทคโนโลยี และกำลังพยายามไล่ให้ทันในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อีกด้วย
เทคโนโลยีต้องมาก่อนแบรนด์ดิ้งและกำไร
เมื่อถามถึงปัจจัยสำคัญต่อการเป็นผู้นำแบรนด์ในอีก 10 ปีข้างหน้า พบว่า 2 ปัจจัยหลักที่ได้คะแนนมากที่สุดล้วนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเช่นกัน นำโดยปัจจัยการใช้ประโยชน์อย่างเต็มรูปแบบจากเทคโนโลยีล่าสุด ซึ่งในบรรดาประเทศที่ทำการสำรวจนั้น จีนให้น้ำหนักกับปัจจัยนี้ถึง 62% และอินเดียให้น้ำหนัก 56% ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่น ๆ ที่ทำการสำรวจเช่น สหรัฐฯ และประเทศในยุโรป
ปัจจัยรองลงมาคือ การดึงศักยภาพของเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจของตนเอง ซึ่งมีผู้บริหารให้น้ำหนักถึง 46% และอีก 44% เชื่อว่าพวกเขาจะเป็นองค์กรที่กำหนดให้เทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการคิดเชิงธุรกิจ ในขณะที่จีนยังให้นำหนักมากที่สุด 83% กับปัจจัยการใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบเพื่อชัยชนะทางธุรกิจ การทำระบบอย่างมีประสิทธิภาพ และการดึงดูดบุคลากรชั้นเยี่ยมให้มาร่วมงานด้วย
เป็นที่น่าสนใจว่า ในการจะขึ้นเป็นผู้นำแบรนด์ของวันพรุ่งนี้นั้น ผู้บริหารต่างให้น้ำหนักปัจจัยด้านเทคโนโลยีมากกว่าเป็นสองเท่า เมื่อเทียบกับปัจจัยอย่างการเป็นแบรนด์ใหญ่ระดับโลก ที่มีสัดส่วน 25% การทำกำไรให้ได้มากที่สุด 25% และการมีภาพลักษณ์แบรนด์ที่ชัดเจน 23%
คุณพีท เจียมศรีพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป ThoughtWorks ประเทศไทย กล่าวว่า “เทคโนโลยีไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของธุรกิจอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นทุกส่วน ทุกฟังก์ชั่นของธุรกิจ และเป็นวัฒนธรรมความสำเร็จขององค์กรในแต่ละวันไปแล้ว ทศวรรษที่ผ่านมาถือเป็นยุคแห่งการเรียนรู้ครั้งใหญ่สำหรับธุรกิจต่าง ๆ ในเอเชีย ซึ่งถูกเร่งเร้าด้วยสถานการณ์โรคระบาดทั่วโลก กระแสการคิดใหม่ได้เปลี่ยนผ่านหลายอุตสาหกรรมไปแล้วอย่างเต็มรูปแบบ และทำให้หลายส่วนกำลังแข่งขันอยู่ในโลกที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งช่องว่างระหว่างธุรกิจที่คิดถึงการปรับใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี กับธุรกิจที่ไม่ได้มองอย่างเดียวกัน ก็มีแต่จะยิ่งขยายวงมากขึ้น”
รายงานฉบับใหม่เรื่อง ‘Tech proficiency: The new imperative for business growth, leadership and agility’ สามารถอ่านได้ ที่นี่