ผลการศึกษาของ VMware, Inc. (NYSE: VMW) ระบุว่า การบริการและประสบการณ์ผู้ป่วยยุคดิจิทัลกำลังปูทางไปสู่ภูมิทัศน์ของธุรกิจดูแลสุขภาพในอนาคตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผลศึกษา Digital Frontiers 3.0 จัดทำโดย VMware เผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อบริการดูแลสุขภาพในรูปแบบดิจิทัล โดย 66% ของผู้บริโภคกล่าวว่าพวกเขาชอบการสนทนาผ่านวิดีโอคอลมากกว่าการเข้าร้บคำปรึกษาแบบตัวต่อตัวกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เมื่อมีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้นที่คาดหวังการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้น ไม่เสียเวลารอนาน และรักษาได้อย่างแม่นยำไม่ว่าจะอยู่ที่ใดและเมื่อใดก็ตาม นวัตกรรมด้านดิจิทัลเฮลธ์แคร์ที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น วิทยาการหุ่นยนต์และ Telehealth จะเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดอนาคตของระบบดิจิทัลเฮลธ์แคร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ดีผลการศึกษาเดียวกันยังเผยให้เห็นว่า มีเพียง 36% ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น ที่ยินดีจะพูดคุยกับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพในรูปแบบดิจิทัล เพื่อลดช่องว่างและผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ทางการแพทย์ให้มากขึ้น ผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพและผู้ให้บริการหน้าใหม่สามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น คลาวด์ โมเดิร์นแอปพลิเคชัน และบิ๊กดาต้า เพื่อเปิดใช้งานและให้บริการด้านเฮลธ์แคร์ที่ดีขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมรองรับอนาคตของ “Connected Healthcare” ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คุณเอกภาวิน สุขอนันต์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย VMware กล่าวว่า “บริการด้านสุขภาพแบบใหม่ที่สมจริง เช่น การให้คำปรึกษาทางการแพทย์ทางไกล อุปกรณ์สวมใส่ และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ได้สร้างบรรทัดฐานใหม่แก่ธุรกิจดูแลสุขภาพและแพทย์ ให้สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ป่วยและตอบสนองต่อความต้องการของพวกเขาได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนและเมื่อใด นอกการแข่งขันด้านการผลิตและจัดหาวัคซีน รวมทั้งโซลูชันทางการแพทย์อื่น ๆ เทคโนโลยียังมีบทบาทสำคัญในการติดตามการแพร่กระจาย การทดสอบ และปรับปรุงขั้นตอนการกระจายโดยรวม เพื่อสร้างระบบนิเวศด้านสุขภาพดิจิทัลที่ยืดหยุ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ VMware มุ่งมั่นที่จะยกระดับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพชั้นนำในภูมิภาค ด้วยรากฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งเพื่อเร่งสร้างนวัตกรรม พร้อมทั้งความสามารถในการปรับขนาด และเพิ่มความคล่องตัวในการดูแลผู้ป่วยและการวิจัยทางคลินิก”
เทคโนโลยีแห่งอนาคตกำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์
การเปิดรับการใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาด้านสุขภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงสูงอยู่ เนื่องจากผู้บริโภคเชื่อว่าเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นกุญแจสำคัญในการนำเสนอแนวทางแก้ไขในทศวรรษหน้า:
โอกาสของเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับธุรกิจเฮลธ์แคร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริโภคเปิดรับเทคโนโลยีแห่งอนาคต ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (70%), 5G (78%) และการจดจำใบหน้า (75%) โดยมากกว่าหนึ่งในสามของผู้ตอบแบบสอบถาม (37%) กล่าวว่า 5G จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้อุปกรณ์สวมใส่สามารถตรวจสอบสุขภาพของผู้สวมใส่ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ได้รับการแจ้งเตือนและตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้ทันที
ในประเทศไทยนวัตกรรมที่ยืดหยุ่นและการลงทุนในเทคโนโลยีรวมทั้งบริการทางการแพทย์มีส่วนสนับสนุนการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ได้มีการยื่นคำขอลงทุนมากกว่า 50 รายการในโครงการมูลค่ารวม 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สิ่งนี้มีส่วนทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพเพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคชาวไทยที่มีแนวโน้มจะหันมารับบริการด้านการดูแลสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต:
สร้างและรักษาความไว้วางใจทางดิจิทัลพร้อมรองรับอนาคตเฮลธ์แคร์
มีความเป็นไปได้ว่าเทคโนโลยีสามารถเปลี่ยนแปลงโลกของการดูแลสุขภาพได้ ดังนั้นสิ่งที่องค์กรด้านสุขภาพต้องคำนึงถึง นอกจากการสร้างความไว้วางใจในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการดูแลสุขภาพสำหรับอนาคตแล้ว ยังรวมถึงความกังวลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคอีกด้วย
โดยรายงานยังระบุว่า มีเพียง 31% เท่านั้นที่มั่นใจว่าผู้ให้บริการด้านเฮลธ์แคร์จะดูแลข้อมูลของพวกเขาให้ปลอดภัยได้ องค์กรด้านสุขภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถรักษาประสบการณ์ด้านสุขภาพในรูปแบบดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย และสร้างความไว้วางใจในหมู่ผู้บริโภคเพื่อเร่งสร้างการยอมรับและเชื่อมั่นในนวัตกรรมใหม่เหล่านี้
เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตในอุตสาหกรรม
เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงของบริการดิจิทัลเพื่อการดูแลสุขภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ VMware ได้จัดลำดับความสำคัญที่องกรค์ต่าง ๆ ควรทราบดังนี้: