ดีแทค ผนึกอาซีฟา ผู้นำด้านโซลูชั่นระบบบริหารจัดการไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพให้บริการครอบคลุมตั้งแต่การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระจายและส่งจ่ายไฟฟ้า สวิตช์บอร์ดไฟฟ้า ระบบควบคุมอัตโนมัติ ระบบบริหารการจัดการพลังงาน เปิดมิติใหม่เครือข่าย 5G  นำแว่น VR นำชมโรงงานอาซีฟาครั้งแรก พร้อมเป็นต้นแบบโรงงานขนาดกลาง นำเทรนด์โรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory)  พัฒนาต่อยอดเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้วย IoT ตอบกระแสรักษ์โลก 

อาซีฟา ผู้ผลิตและจำหน่ายสวิตช์บอร์ดไฟฟ้า สำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรม  พลิกโฉมการนำชมโรงงานผ่านโลกเสมือนโดยลดการเดินทาง  เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ รักษาฐานเดิมด้วยมาตรการระยะห่างทางสังคม ทั้งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยผ่านกล้องไร้สายตรวจคนเข้าออก ลดความยุ่งยากการเดินสายและเข้าถึงพื้นที่ทุกจุด

นายวิชัย สุนทรวุฒิกุล กรรมการบริหาร บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน)  ผู้ผลิตสวิตช์บอร์ดไฟฟ้าชั้นนำ กล่าวว่า “บริษัทพร้อมยกระดับสู่โรงงานอัจฉริยะ และการบริหารจัดการพลังงานอย่างชาญฉลาด โดยนำเทคโนโลยี 5G ที่มาพร้อมกับ Virtual Reality หรือ VR เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการเยี่ยมชมโรงงานให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยให้ลูกค้าสวมใส่แว่น VR ได้เข้าเยี่ยมชมโรงงาน สามารถสัมผัสผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในมิติที่มากขึ้น พร้อมข้อมูลผลิตภัณฑ์ ทั้งช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ลดการเดินทางและเพิ่มความปลอดภัยจากมาตรการระยะห่างทางสังคม” 

อาซีฟาได้นำทั้งเทคโนโลยี 5G VR เพื่อให้ลูกค้าได้เยี่ยมชมโรงงานเสมือนจริง และสามารถจะเข้ารับชมผ่านเว็บไซต์ของบริษัท โดยจะเป็นเครื่องมือทางการตลาดด้านดิจิทัลให้ลูกค้าได้เข้าถึงข้อมูลของบริษัท และรองรับลูกค้าเยี่ยมชมโรงงานที่มีเฉลี่ย 60 องค์กรต่อปี 

“เราหวังที่จะเห็นผู้ให้ความสนใจ เพิ่มขึ้น 10% ของผู้เข้าชมเว็บไซต์และผู้มาเยี่ยมชมโรงงานโดยปกติ ทั้งยังขยายผลเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ทั้งเจ้าของธุรกิจต่างๆ และ วิศวกรรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี”

ขณะเดียวกัน บริษัทได้ลงทุน 5G Surveillance เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้อาซีฟาเป็นโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) มากขึ้น โดยจะเสริมระบบเดิมที่ติดตั้งอยู่ ให้ทันสมัยมากขึ้น มีความคมชัดของภาพมากขึ้น และใช้การส่งถ่ายข้อมูลปริมาณมากแบบไร้สาย เพื่อสะดวกติดตั้งโดยไม่ต้องเดินสายสัญญาณเพิ่มเติม ผสมผสานการจดจำใบหน้า (face recognition) เพื่อใช้การควบคุมการเข้าออก (access control) ทั้งส่วนของพนักงานและบุคคลภายนอก และหลีกเลี่ยงการสัมผัส (contactless) ซึ่งระบบจะแจ้งเตือนความผิดปกติได้ทันที ทำให้การรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนั้นบริษัทได้แตกแผนกธุรกิจใหม่ “กลุ่มนวัตกรรม” ที่มีการวิจัยและพัฒนา รองรับการขยายโซลูชั่นใหม่ ที่เพิ่มขีดความสามารถการใช้งาน “ตู้สวิตช์บอร์ดไฟฟ้า” ที่ตอบรับการใช้งานแห่งอนาคตให้แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด ทั้งการรองรับการติดตั้งและใช้งานโซลาร์เซลล์ และ การใช้ Internet of Things (IoT) พร้อมระบบติดตามและควบคุมการใช้พลังงานได้อย่างอัจฉริยะ

อาซีฟา จะเป็นต้นแบบการใช้ประโยชน์หรือ Use case จากเทคโนโลยีที่นำ 5G และ IoT มาประยุกต์ในการสร้าง Modern Factory Environment ผ่านความร่วมมือพันธมิตรกับดีแทค เพื่อให้ลูกค้าเป้าหมายโดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตระดับกลางได้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ได้จากการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ดิจิทัล

นายกฤษณ์ ประพัทธศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ บริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “เรานำเทคโนโลยี 5G ซึ่งเป็นการปรับสภาพแวดล้อม หรือ Environment ของอาซีฟา เพื่อมาขับเคลื่อนสู่โรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory)  ที่สำคัญเพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันภาคอุตสาหกรรมการผลิตไทยและดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ หลังไทยเปิดประเทศ”

ดีแทค บิสิเนสมุ่งมั่นนำเสนอโซลูชั่นสู่พันธมิตรและองค์กรธุรกิจ และมองว่า หัวใจสำคัญสู่การเป็นโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) ประกอบด้วย เครือข่ายการเชื่อมต่อ (Connectivity) การจัดเก็บ บูรณาการ และการวิเคราะห์ข้อมูล ( Data Collection, Data Integration and Analytics)

เครือข่ายดีแทค 5G บนคลื่น 26GHz รองรับการใช้งานระบบกล้องอัจฉริยะในจุดต่างๆ ที่สามารถส่งข้อมูลเรียลไทม์ไปยังห้องควบคุม และใช้รองรับการควบคุมคนเข้าออกในโรงงานที่มีความอัจฉริยะในการรู้และจดจำใบหน้า เป็นส่วนหนึ่งของโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) 

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า โควิด-19 จะเร่งการเติบโตธุรกิจโซลูชั่นโรงงานอัจฉริยะไทย (Smart Factory Solutions: SFS) ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% จากความต้องการของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ต้องการปรับตัวเพื่อลดการพึ่งพาแรงงาน

โควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตไทยได้เริ่มขยายมุมมองการลงทุนโรงงานอัจฉริยะผ่านเทคโนโลยีต่างๆ เช่น IoT และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อให้การผลิตดำเนินไปได้ย่างต่อเนื่องและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาการดำเนินธุรกิจแบบเดิมซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัส และยังสร้างความยืดหยุ่นให้แก่สายธุรกิจและการผลิตมากขึ้น โดยอำนวยความสะดวกให้กับการผลิต ทั้งยังเพิ่มความสามารถการแข่งขันของโรงงานอีกด้วย

พร้อมกันนี้ดีแทคยังให้ความสำคัญการทำระบบ สภาพแวดล้อมอัจฉริยะ (Modern Factory Environment) ทั้งการทำระบบเฝ้าระวังและการบริหารจัดการพลังงาน (Smart Surveillance and   Energy management)

ข้อมูลจากผลสำรวจ Deloitte 2020 Resources Study, พบว่า กว่า 48% ของผู้ตอบแบบสอบถามในภาคอุตสาหกรรม ให้ความสนใจที่จะลดต้นทุนผ่านการลงทุนระบบการบริหารจัดการพลังงาน

“ดีแทค บิสิเนสพร้อมนำประสบการณ์ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก ร่วม co-create กับพันธมิตรอย่างอาซีฟา ต่อยอดอุตสาหกรรมไทย  เป็นต้นแบบโรงงานขนาดกลาง นำเทคโนโลยี 5G รับมือ next pandemic และพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมที่จะก้าวสู่ยุคดิจิทัล และพร้อมในการสร้างโซลูชั่นรับกับโครงสร้างอุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนไป และเพิ่มขยายและยั่งยืน  สำหรับความต้องการของอุตสาหกรรมในอนาคต” นายกฤษณ์ กล่าวในที่สุด

Comments

comments