เอคเซนเชอร์ (Accenture) ประกาศจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ (Accenture Intelligent Operations Center: AIOC) ในประเทศไทย พร้อมนำประสบการณ์ความเชี่ยวชาญกว่า 44 ปีที่ดำเนินธุรกิจในไทย ร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านหรือทรานส์ฟอร์มองค์กรธุรกิจ และสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย

ศูนย์ AIOC ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ เดินหน้าช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับตัวสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลได้เร็วขึ้น ใช้ข้อมูลในการบริหารและตัดสินใจ เข้าถึงข้อมูลอินไซต์ได้แบบเรียลไทม์ สามารถปรับสเกลนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว สร้างบุคลากรที่มีทักษะพร้อมก้าวสู่ยุคใหม่ เพิ่มงานที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีออโตเมชั่นและปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่พนักงานและลูกค้า โดยมีเป้าหมายที่สำคัญคือช่วยธุรกิจให้พัฒนาขีดความสามารถได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านความยั่งยืน ซัพพลายเชนเพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียน เมตาเวิร์ส การตลาด และการบริหารงานขาย

จากการก่อตั้งศูนย์ AIOC ในประเทศไทย เอคเซนเชอร์ จะยกระดับขีดความสามารถและทักษะของบุคลากรเพื่อให้บริการแก่ธุรกิจในด้านต่างๆ เช่น การเงิน ทรัพยากรบุคคล จัดซื้อ ซัพพลายเชน และการตลาด โดยพนักงานจะมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลอินไซต์ ความร่วมมือ และการเรียนรู้จากเครือข่ายของเอคเซนเชอร์ทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้น เอคเซนเชอร์จะร่วมมือกับ กระทรวงแรงงาน หอการค้าไทย มหาวิทยาลัยในประเทศไทย และหน่วยงานในประเทศที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยพัฒนาความรู้ความเชี่ยวชาญของบุคลากรให้มากขึ้น

ทั้งนี้ ในพิธีเปิดศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเพื่อธุรกิจอย่างเป็นทางการ ได้รับเกียรติจากคุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คุณสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย พร้อมด้วยแขกผู้เกียรติร่วมงานอย่างคับคั่ง รวมทั้งมีการนำเยี่ยมชมพื้นที่ต่างๆ ภายในศูนย์ฯ ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานสร้างสรรค์ร่วมกัน ตลอดจนสาธิตการทำงานของเทคโนโลยีดิจิทัลแบบ interactive และ immersive

สำหรับศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ (AIOC) นี้ เมื่อผนึกกำลังกับศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงในประเทศไทย (ATCT) ที่เพิ่งเปิดตัวไป และศูนย์นวัตกรรมอื่นๆ ของเอคเซนเชอร์ ที่ตั้งอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ จะก่อให้เกิดเครือข่ายนวัตกรรมของเอคเซนเชอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อันแข็งแกร่ง ที่จะช่วยให้ลูกค้าองค์กรสร้างความเจริญเติบโตให้กับธุรกิจและเติบโตอย่างต่อเนื่องยั่งยืน โดยใช้นวัตกรรมดิจิทัลเป็นตัวนำ ซึ่งปัจจุบันเอคเซนเชอร์มีเครือข่ายศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง และศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะอยู่ทั่วโลกกว่า 50 แห่ง ให้บริการลูกค้าในกว่า 120 ประเทศ

นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “การประกาศจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ (AIOC) ในวันนี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่มีมายาวนานนับตั้งแต่ก่อตั้งกิจการในประเทศไทยเมื่อ 44 ปีที่แล้ว ในการสนับสนุนให้ธุรกิจต่างๆ สามารถทรานส์ฟอร์มหรือเปลี่ยนผ่านก้าวทันความเปลี่ยนแปลง สามารถเติบโต และปรับขยายธุรกิจให้ก้าวไกลครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ศูนย์ AIOC จะช่วยให้เอคเซนเชอร์พัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร รองรับธุรกิจด้วยการยกระดับทักษะ (upskilling) และสร้างโครงการฝึกอบรมที่ตอบโจทย์ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจต่างๆ สามารถพัฒนาและปรับขยายโมเดลการทำงานให้พร้อมตอบโจทย์ในอนาคตได้”
มร.ดิวีเยช วิทลานี่ กรรมการผู้จัดการอาวุโส เอคเซนเชอร์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า “เรานำความเป็นที่สุดของเอคเซนเชอร์ ทั้งความเชี่ยวชาญระดับโลก ทักษะ และโซลูชันที่มีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับ เข้ามาช่วยสนับสนุนลูกค้าในประเทศไทยและในภูมิภาค เพิ่มขีดความสามารถในการสร้างกำไร เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตลอดจนยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในด้านต่างๆ ศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเพื่อธุรกิจแห่งนี้ จะช่วยพัฒนาและดึงศักยภาพที่ดีที่สุดจากบุคลากรและจากธุรกิจเข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมั่นคง”
มร.สุวาสิส มอฮาพัตรา กรรมการผู้จัดการ หน่วยงานโอเปอเรชั่นส์ เอคเซนเชอร์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวเสริมว่า “ศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ หรือ AIOC จะให้บริการสนับสนุนเชิงกลยุทธ์ เสริมให้ธุรกิจก้าวสู่ความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนองค์กร พร้อมบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็สามารถนำระบบดิจิทัลไปใช้ได้รวดเร็วขึ้น มีการบริหารจัดการโดยใช้ข้อมูลเชิงลึก และช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่น ปรับตัวได้ดีในทุกสถานการณ์ ซึ่งเราจะทำงานร่วมกับหน่วยธุรกิจในทุกภาคส่วนขององค์กร ไม่ว่าจะในด้านการเงิน จัดซื้อ ซัพพลายเชนเพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียน การตลาด และการบริหารงานขาย เพื่อให้ธุรกิจต่างๆ บรรลุเป้าหมายอย่างยั่งยืน”

Comments

comments