โดยในผลการศึกษา Future of Creativity ฉบับนี้ ได้ศึกษาถึงความเคลื่อนไหวของ Creator Economy ทั่วโลกครบทุกแง่มุม รวมถึงการเติบโตของ creativity ที่เปลี่ยนแปลงทั่วโลก โดยสร้างความแข็งแรงให้กับ Creator Economy ได้ในระยะเวลาเพียงสั้นๆ และขับเคลื่อนผ่าน Gen ของครีเอเตอร์ที่หลายหลายโดยสร้างคอนเทนต์ในแบบฉบับของตนเองเพื่ออาชีพ หรือทำแพชชัน ทั้งยังเป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมความเคลื่อนไหวทางสังคมผ่านทางออนไลน์ ขณะที่อินฟลูเอนเซอร์เองก็เป็นอีกหนึ่งประเภทของครีเตอร์ที่มีจำนวนผู้ติดตาม 5,000 คนขึ้นไป ซึ่งใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียสร้างความรู้ความเข้าใจหรือโน้มน้าวผู้ติดตามของพวกเขา นอกจากนี้ยังสร้างนิยามใหม่ให้กับ Future of Work โดยไฮไลท์เด็ดๆ ในรายงานมีดังนี้
- ครีเอเตอร์กว่า 165 ล้านคนเข้าร่วม Creator Economy ตั้งแต่ปี 2563 โดยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกตลาด
- Creator Economy ในสหรัฐฯ เติบโตอย่างมาก โดยมีจำนวนครีเอเตอร์เพิ่มขึ้นราว 34 ล้านคน (40%) บราซิล (ครีเอเตอร์ใหม่กว่า 73 ล้านคน), เกาหลีใต้ (กว่า 11 ล้านคน) และสเปน (กว่า 10 ล้านคน) ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับการสร้างสรรค์
- ประชากรโลก 1/4 (23%) เป็นครีเอเตอร์ที่มีส่วนร่วมในการสร้างคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็น ภาพถ่าย วิดีโอ งานเขียน และออนไลน์สเปซต่างๆ รวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และบล็อกต่างๆ
- คน Millennials ครองสัดส่วนถึง 42% ของ Creator Economy ขณะที่คน Gen Z ครองสัดส่วน 14 %
- 48% ของครีเอเตอร์ได้รับแรงจูงใจจากเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ เสรีภาพในการแสดงออก และครีเอเตอร์ไม่ถึงหนึ่งในสาม (26%) มีเงินเป็นแรงจูงใจ
- อินฟลูเอนเซอร์ครองสัดส่วนเพียง 14 % ของ Creator Economy ทั่วโลก
- อินฟลูเอนเซอร์ราว 2 ใน 5 มีแรงจูงใจที่จะเปลี่ยนอาชีพเสริมจากการสร้างคอนเทนต์ให้กลายเป็นอาชีพหลัก
- 17% ของครีเอเตอร์เป็นเจ้าของธุรกิจ ขณะที่ 39% มุ่งหวังจะเป็นเจ้าของธุรกิจในอนาคต
- สำหรับครีเอเตอร์ส่วนใหญ่ การสร้างคอนเทนต์ถือเป็นงานอดิเรกหรืองานที่สร้างรายได้เสริม โดยครีเอเตอร์ 6 ใน 10 คนมีงานประจำอยู่แล้ว