เนื่องในงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2565 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมมอบ รางวัลโล่ประกาศเกียรติคุณ “องค์กรที่สนับสนุนงานด้านคนพิการดีเยี่ยม” แก่ กลุ่มทรู โดย ดร.เนตรชนก วิภาตะศิลปิน หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านความเป็นเลิศทางธุรกิจและการศึกษา ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา โดยครั้งนี้นับเป็นปีที่ 6 ที่กลุ่มทรู ได้รับรางวัลดังกล่าวต่อเนื่อง อันตอกย้ำความเป็นองค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม มุ่งเน้นสนับสนุนกลุ่มเปราะบางซึ่งมีข้อจำกัดและขาดโอกาสหลายๆ ด้านในทุกมิติอย่างจริงจัง โดยทรู ได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล ร่วมส่งส่งเสริมพัฒนาศักยภาพ ทักษะอาชีพ ตลอดจนสร้างสรรค์บริการ เพื่อให้ผู้พิการได้เข้าถึงข้อมูล ความรู้ในการนำมาพัฒนาคุณภาพชีวิต มีอาชีพ มีรายได้ และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
ดร.เนตรชนก วิภาตะศิลปิน หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านความเป็นเลิศทางธุรกิจและการศึกษา กล่าวว่า “รางวัลโล่ประกาศเกียรติคุณ “องค์กรที่สนับสนุนงานด้านคนพิการดีเยี่ยม” สะท้อนความมุ่งมั่นของกลุ่มทรู ในฐานะองค์กรของคนไทย ที่ทุ่มเทพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้พิการและกลุ่มเปราะบางที่เป็นกลุ่มด้อยโอกาส ภายใต้แนวคิด “Creating a Better Life for the Disabled” เพื่อให้สามารถสร้างคุณค่าและมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติได้ ซึ่งกลุ่มทรู ได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่าย นำศักยภาพเทคโนโลยีดิจิทัล มาสร้างสรรค์นวัตกรรม อาทิ True Autistic Application เครื่องมือช่วยเสริมทักษะการเรียนรู้ การสื่อสาร และเสริมสร้างสมรรถภาพทั้งทางร่างกาย สติปัญญา และจิตใจแก่เด็กพิเศษโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมถึงพัฒนาระบบสำรวจและคัดกรองเบื้องต้นสำหรับบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นเป็นพิเศษ หรือ STS (Screening tools for person with special needs) เพื่อเป็นเครื่องมือในการคัดกรองให้ผู้ปกครองหรือเด็กที่มีความสงสัยว่าจะมีภาวะเสี่ยงเป็นโรคเรียนรู้ช้า สมาธิสั้น มีความบกพร่องทางสติปัญญา และออทิสติก ให้สามารถเข้าถึงกระบวนการรักษาทันท่วงทีและรับสิทธิ์สวัสดิการจากภาครัฐอย่างทั่วถึง ตลอดจนพัฒนาบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้พิการสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้เช่นเดียวกับคนปกติ ด้วยซิมทรูมูฟ เอช แพ็กเกจ Ability3 เพื่อพี่น้องคนพิการทุกประเภท”
นอกจากนี้ กลุ่มทรู ยังได้จ้างงานผู้พิการ ตามมาตรา 33 และ 35 ตลอดจนร่วมมือกับมูลนิธิออทิสติกไทย จัดตั้งศูนย์ฝึกอาชีพเพื่อการทำงาน เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มคนออทิสติกและครอบครัว ภายใต้เครือข่ายมูลนิธิฯ ในกว่า 20 จังหวัด มีอาชีพ มีรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบาย “ก้าวไปข้างหน้าอย่างเท่าเทียม” ของภาครัฐอีกด้วย