นับได้ว่าการปล่อยยาน Artemis I ออกสู่ห้วงอวกาศเป็นการเริ่มต้นใหม่ของการท่องอวกาศสำหรับมนุษยชาติ โดย Bell Labs ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการวิจัยของโนเกียได้มีส่วนร่วมในเป้าหมายอันสำคัญครั้งนี้ผ่านการเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและใช้งานระบบการสื่อสารแบบเซลลูลาร์ในอวกาศเป็นครั้งแรก โดยภารกิจนี้ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญตามแผนของนาซ่าที่จะส่งมนุษย์กลับไปสำรวจดวงจันทร์อีกครั้ง และด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารแบบเซลลูลาร์ของโนเกียจะช่วยพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญในการสำรวจทางอวกาศแห่งอนาคต
โนเกียย้ำถึงความสำคัญเกี่ยวกับบทบาทของสตรีที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงอนาคต และเพื่อให้สิ่งนั้นเป็นจริงได้จะต้องมีการการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบในด้านกฎหมาย การศึกษา ธุรกิจ และความเป็นผู้นำ ซึ่งจะต้องมีการปิดช่องว่างระหว่างเพศ ดังนั้นความเท่าเทียมทางดิจิทัล (Digital Inclusion) สามารถช่วยให้ทุกฝ่ายมีโอกาสที่เท่าเทียมกันไม่ว่าหญิงหรือชาย การเชื่อมต่อขั้นสูง บริการด้านดิจิทัล และความชำนาญถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้หญิงเข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษา สุขภาพ และสวัสดิการได้อย่างเสรี รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจและการเงิน สิ่งเหล่านั้นจะช่วยเชื่อมโยงพวกเธอกับเครือข่ายเพื่อนสตรีที่สามารถให้การสนับสนุนและเป็นที่ปรึกษาแก่พวกเธอเหล่านั้นได้
เมตาเวิร์ส เป็นแนวคิดที่ซับซ้อน เป็นการผสมผสานของเทคโนโลยีหลากหลายเพื่อรังสรรค์ประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับผู้ใช้โดยขึ้นอยู่กับกรณีการใช้งานที่ตั้งไว้ โนเกียได้สรุปประสบการณ์ที่มีอย่างมากมายเพื่อเน้นให้เห็นถึงแรงขับของวิวัฒนาการเมตาเวิร์สที่สำคัญสี่อย่าง (อุปกรณ์ แอปพลิเคชัน แพลตฟอร์ม และการเชื่อมต่อ) และคุณสมบัติหลักห้าประการของประสบการณ์ผู้ใช้เมตาเวิร์ส (ความมีอยู่ การเปิดกว้าง ความเสมือนจริง ความเคลื่อนไหว และปฏิสัมพันธ์) โดยปัจจัยเหล่านี้ค่อย ๆ พัฒนาไปในอัตราที่แตกต่างกัน โดยได้พบกับอุปสรรคและผู้เปิดใช้งาน (Enabler) ในช่วงของวิวัฒนาการไปพร้อม ๆ กัน
โนเกีย เน้นถึงความสำคัญของวิวัฒนาการโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่มีอยู่ บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์แบบมีสาย (Fixed broadband connections) ได้มีการพัฒนาจาก 100 เมกะบิตต่อวินาทีไปเป็นกิกะบิต ซึ่งความเร็วสัญญาณขนาด 10 กิกะบิตต่อวินาทีนี้กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีทางเลือก นอกจากนี้การเข้าถึงเครือข่ายต่าง ๆ กำลังเป็นมากกว่าการเชื่อมต่อสำหรับที่พักอาศัยไปสู่การเชื่อมต่อสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง และ สถานีฐาน 5G สำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก(5G Small Cell) จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0 และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะได้ โดยเครือข่ายเชิงแสง (Optical Network) ไม่เพียงจะจัดการกับเรื่องปริมาณ แต่ยังรวมถึงบริบทอื่น ๆ ที่เป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้ง ขนาดสเกล ความยืดหยุ่น ความหน่วงต่ำ และความปลอดภัย โดยภาคธุรกิจกำลังมีความรุดหน้า จากที่คอยคาดการณ์อุปสงค์และดำเนินการเพื่อตอบสนองความต้องการนั้น ไปสู่การสร้างเครือข่ายที่มีความเป็นไปได้อย่างไม่รู้จบ
โนเกีย กำลังเปลี่ยนภาพลักษณ์จากเครือข่ายเป็นรหัส ซึ่งจะกลายมาเป็นตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนเกม เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ที่เกิดขึ้นด้วยศักยภาพของ 5G ยอมรับว่านักพัฒนาแอปพลิเคชันมีความสำคัญมากขึ้นกับเครือข่ายแบบรหัสเพื่อผสมผสานเข้ากับบริการ 5G รูปแบบใหม่ ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันที่เป็นบุคคลภายนอกที่เข้ามามีส่วนร่วมในห่วงโซ่บริการขณะนี้สามารถรวมเอาความสามารถของเครือข่ายแบบพิเศษเข้าไว้กับรหัสดั้งเดิมจากคลังโปรแกรม (library) ที่ง่ายต่อการใช้งานได้แล้ว โดยคาดว่ามากกว่า 80% ของมูลค่า 5G จะมาจากการสร้างสรรค์บริการในระบบนิเวศใหม่ ๆ
ส่วนงานด้านเครือข่ายแบบมีสายข โนเกียได้แบ่งปันไอเดียเกี่ยวกับเครือข่ายใยแก้วนำแสงและกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเชื่อมต่อใยแก้วนำแสงไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่ในที่พักอาศัยเท่านั้น แต่รวมถึงสถานประกอบการ โรงงาน ฟาร์ม โรงเรียน รวมถึงสนามกีฬา โรงแรม และโรงพยาบาล ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นแบนด์วิดท์ที่ความเร็วสูงขึ้น ความหน่วงต่ำลง และการสิ้นเปลืองพลังงานที่ลดลงอย่างมาก รวมถึงการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ของเครือข่ายที่กำหนดโดยซอฟท์แวร์ (software-defined networking) หรือ SDN ต่างก่อให้เกิดหนทางใหม่ ๆ ในการใช้ประโยชน์และจัดการกับเครือข่ายใยแก้วนำแสง ความก้าวหน้าด้านความพร้อมใช้งานและเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะใช้งานใยแก้วนำแสงสำหรับทุกสิ่งเกิดขึ้น ทั้งการใช้งานบนเครือข่ายเดียวกัน และในเวลาพร้อม ๆ กัน