การเปิดตัวสมาร์ทโฟน Mi 1 ในปี 2011 เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของเสียวหมี่ โดยเสียวหมี่เลือกจำหน่ายผลิตภัณฑ์บนช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเป็นการสร้างความแตกต่างจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นที่ต้องพึ่งพาผู้จัดจำหน่ายออฟไลน์เป็นหลัก นี่จึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการให้คุณค่ากับการขนส่งคุณภาพสูงและข้อกำหนดด้านบรรจุภัณฑ์ที่เข้มงวดของเสียวหมี่
คุณเฉิน ลู่ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย Ecosystem และผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ล้ำสมัยของเสียวหมี่ ได้เผยถึงแนวคิดการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของเสียวหมี่ไว้ว่า “การออกแบบบรรจุภัณฑ์ของเสียวหมี่นั้นจะสะท้อนถึงความเรียบง่าย ใช้งานได้จริงและเข้าถึงง่าย” คุณเฉินยังกล่าวถึงจุดเริ่มต้นแห่งเส้นทางการออกแบบที่เสียวหมี่ที่เริ่มต้นขึ้นในปี 2011 ณ เวลานั้นมีความท้าทายต่างๆ เข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็น งบประมาณที่มีจำนวนไม่มาก ตัวเลือกซัพพลายเออร์ที่มีจำกัด และเวลาที่กระชั้นชิด โดยสิ่งที่พาเสียวหมี่ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคเหล่านั้นมาได้ก็คือออกแบบที่สร้างสรรค์ เมื่อก่อนบรรจุภัณฑ์ของสมาร์ทโฟนเป็นเพียงกล่องของขวัญพื้นฐานแบบธรรมดาที่มีการพิมพ์ลงบนกล่อง ดังนั้นเพื่อให้บรรจุภัณฑ์ของเสียวหมี่โดดเด่นและอยู่ในงบประมาณและสร้างความแตกต่างจากแบรนด์อื่น เสียวหมี่จึงบัญญัติหลักการออกแบบสามประการสำหรับบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ในปีเดียวกันนั้นเอง ประการแรก คือ จะต้องเป็นการออกแบบที่เน้นเทคโนโลยี ประการที่สอง จะต้องทำการจัดส่งได้ทันทีหลังจากมีการสั่งซื้อออนไลน์ และประการสุดท้าย ต้องเป็นโซลูชั่นที่คุ้มค่ากับลูกค้า ด้วยเหตุนี้โทรศัพท์เครื่องแรกของเสียวหมี่จึงถูกบรรจุในกล่องที่ไม่เหมือนใครซึ่งทำจากกระดาษคราฟท์ที่ไม่เหมือนกับของที่พบเห็นได้ทั่วไปในท้องตลาด
ในปี 2012 ด้วยปริมาณผู้ใช้งานที่มีมากกว่าล้านคน ความคาดหวังในแบรนด์เสียวหมี่ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เสียวหมี่ตระหนักดีว่าผู้ใช้ของเราจะมีปฏิสัมพันธ์กับเสียวหมี่ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ดังนั้นประสบการณ์การแกะกล่องบรรจุภัณฑ์จึงมีผลกับมุมมองของพวกเขาต่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์เสียวหมี่ ด้วยเหตุนี้เสียวหมี่จึงให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ในการเป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารระหว่างแบรนด์เสียวหมี่กับผู้ใช้งาน ในปี 2013 การออกแบบบรรจุภัณฑ์รุ่นที่สองได้ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดยมีการใช้เนื้อกระดาษคราฟท์เพื่อให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและเป็นธรรมชาติเพื่อแสดงให้เห็นว่าเสียวหมี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่แบรนด์เทคโนโลยีเท่านั้น แต่เราคือไลฟ์สไตล์
การเปลี่ยนแปลงในบรรจุภัณฑ์ใหม่ คือ การรวมเอาโทรศัพท์และที่วางอุปกรณ์เสริมไว้ในถาดเดียวกันแทนการใช้สองถาด และวางอุปกรณ์เสริมไว้ด้านในที่วางโทรศัพท์เพื่อให้โครงสร้างภายในเรียบง่ายขึ้น ตัวกล่องเองยังถูกทำให้บางลงด้วยการลดความสูงของกล่องให้เท่ากับแท่นชาร์จ นอกจากนี้ยังเพิ่มที่จับขนาดเล็กไปบนซองคู่มือการใช้งานเพื่อประสบการณ์การแกะกล่องที่ดียิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือแพ็คเกจของ Mi 3 นั้นมีความเรียบง่ายขึ้นและเบาบางลงกว่าเดิม ในขณะเดียวกันในด้านผลิตภัณฑ์ AIoT ของเสียวหมี่นั้นมีความโดดเด่นด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายและมีสไตล์ที่มินิมอล และเพื่อโชว์ความโดดเด่นของสินค้า บรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่ของผลิตภัณฑ์ AIoT จึงเป็นสีขาว
แนวคิดการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของเสียวหมี่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เราทำการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้และมอบประสบการณ์ของผลิตภัณฑ์ที่เหนือระดับ ทำการปรับแต่งรายละเอียดบรรจุภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้งและใส่ใจในทุกรายละเอียดของกระบวนการผลิต สิ่งนี้จะช่วยรับประกันประสบการณ์อันยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้งานของเราควบคู่ไปกับการออกแบบของเราที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ คุณเฉินยังกล่าวเพิ่มเติมถึงสิ่งที่เสียวหมี่คำนึงถึงเป็นอย่างมากในการออกแบบผลิตภัณฑ์ นั่นคือ การออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คุณเฉินแสดงจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “การผลักดันให้มีการปฏิบัติที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในบรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งที่กำลังทำกันมากขึ้นทั่วโลก ในฐานะผู้บุกเบิกแบรนด์เทคโนโลยีระดับโลกอย่างเสียวหมี่ เรามุ่งมั่นที่จะนำโซลูชันที่ยั่งยืนมาใช้ในบรรจุภัณฑ์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเรา แม้ว่าในปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ของเรานั้นยังจำเป็นต้องใช้วัสดุจากพลาสติก เช่น PET, PP, PS และ EPS สำหรับการรองรับภายใน แต่เพื่อการแสวงหาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เราทำการสำรวจหาโซลูชันในการออกแบบที่จะใช้กระดาษเป็นหลักเพื่อทดแทนการใช้พลาสติกอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เราได้ทำการเปิดตัวการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยมีสองความคิดริเริ่มหลักคือ: The One Paper Box และแผน 2R (Reduce/Recycle) สำหรับ One Paper Box คือการใช้กระดาษแผ่นเดียวสำหรับรองรับทั้งด้านนอกและด้านในบรรจุภัณฑ์เพื่อช่วยลดการสิ้นเปลืองวัสดุสำหรับสินค้าขนาดเล็ก ในขณะที่แผน 2R คือการแทนการรองรับด้านในด้วยพลาสติกในสินค้าขนาดใหญ่ด้วยกระดาษหรือเยื่อกระดาษ”
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เริ่มความนิยมกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกเองก็มีอุปสรรคเช่นกัน ที่เสียวหมี่เราตระหนักว่าการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนนั้นจำเป็นจะต้องมีนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการส่งเสริมวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยที่แนวทางการออกแบบของเราให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการลดการใช้พลาสติก เป้าหมายของเราคือการใช้ถาดกระดาษหรือเยื่อกระดาษในขณะที่ก็สามารถลดต้นทุนด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดด้วยเช่นกัน โดยคุณเฉินกล่าวย้ำว่าเธอมองว่าการออกแบบที่ยั่งยืนจะยังคงเป็นแนวโน้มในอนาคตของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ต่อไปเรื่อยๆ โดยเน้นไปที่การนำกลับมาใช้ใหม่หรือใช้ซ้ำได้ ในขณะเดียวกันลูกค้าก็หันมาใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยการลดการใช้พลาสติกและการทำให้บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและมีน้ำหนักเบาจะเป็นสิ่งสำคัญในการออกแบบในอนาคตอย่างแน่นอน
คุณเฉินกล่าวปิดท้ายสำหรับผู้ที่สนใจในเส้นทางการออกแบบเช่นเธอว่า “การออกแบบสำหรับฉันไม่ใช่แค่งาน แต่คือความหลงใหล การที่ฉันได้เอาความสนใจของฉันเข้ามาผสานเข้ากับงานได้ถือเป็นเรื่องที่วิเศษมาก สิ่งนี้ช่วยผลักดันให้ฉันมุ่งมั่นกับเป้าหมายและออกแบบต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ความเรียบง่ายของการออกแบบมักซ่อนความพยายามและความคิดริเริ่มของผู้ออกแบบเอาไว้เสมอ นักออกแบบต้องติดตามเทรนด์ มีความสนใจใคร่รู้ในการปรับปรุงแต่ละกระบวนการ และสำรวจวัสดุใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา”