อะโดบี (Nasdaq:ADBE) ได้เปิดงาน Adobe Summit 2023- งานประชุมด้านประสบการณ์ดิจิทัล (Digital Experience) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยได้เปิดตัวนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Adobe Experience Cloud ซึ่งเป็นโซลูชั่นชั้นนำของโลกในด้านการจัดการประสบการณ์ลูกค้า และ Adobe Creative Cloud แพลตฟอร์มชั้นนำของโลกในด้านการสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ พร้อมเสริมศักยภาพให้แบรนด์ต่างๆ ขับเคลื่อนการเติบโตด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม

เมื่อคอนเทนต์กลายเป็นรากฐานที่สำคัญของประสบการณ์ดิจิทัลแบบ next-generation นวัตกรรมของอะโดบีจึงได้เชื่อมต่อกับExperience Cloud และ Creative Cloud เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้าง การส่งมอบและการวัดผลคอนเทนต์ ที่งานประชุมสุดยอดประจำปี Adobe Summit ครั้งนี้ อะโดบีได้เปิดตัวบริการใหม่ Adobe Sensei GenAI รวมถึง Adobe Firefly – บริการตระกูลใหม่ของโมเดลครีเอทีฟ generative AI ที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างรูปภาพ และเอฟเฟกต์ข้อความ รวมถึงนวัตกรรมgenerative AI ใหม่ใน Adobe Experience Cloud เพื่อขับเคลื่อนเวิร์กโฟลว์การตลาดแบบ end-to-end นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดตัวเครื่องมือตัวใหม่ Adobe Product Analytics และโซลูชั่นด้านการจัดการคอนเทนต์ เพื่อช่วยให้นักการตลาดสามารถแก้ไขเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันบนมือถือได้ด้วยตนเอง

เพื่อเพิ่มความเร็วและทำให้ความคิดสร้างสรรค์กลายเป็นสิ่งที่ใครๆ ในองค์กรก็ทำได้ อะโดบีเปิดตัว Adobe Express for Enterprise ที่ช่วยให้ทุกคนในองค์กรสามารถสร้างและปรับปรุงคอนเทนต์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะมีทักษะด้านครีเอทีฟมากหรือน้อยก็ตาม นอกจากนี้ อะโดบียังเปิดตัวโซลูชั่น Content Supply Chain ที่ครบวงจรเป็นครั้งแรกของโลก ผ่านนวัตกรรม Creative Cloud และ Experience Cloud ที่เชื่อมต่อเครื่องมือยอดนิยมในการวางแผน การสร้าง การตรวจสอบ และเผยแพร่งานสร้างสรรค์เพื่อให้ทีมสามารถทำงานร่วมกันเพื่อตอบสนองความต้องการด้านคอนเทนต์ที่เพิ่มขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง

อนิล จักราวาธี ประธานฝ่ายธุรกิจด้านประสบการณ์ดิจิทัลของอะโดบี กล่าวว่า “ในขณะที่เศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การเติบโตอย่างมีกำไรจะมาจากการเชื่อมโยงประสบการณ์ลูกค้าที่สมบูรณ์ นวัตกรรม Adobe Experience Cloud ล่าสุดของเราเชื่อมต่อการสร้างและการจัดการประสบการณ์ของลูกค้าแบบไม่เหมือนใคร ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถปรับสเกล รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และทำ personalize ประสบการณ์ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุก surface รวมถึงทำให้ธุรกิจเติบโตด้วยประสบการณ์อย่างยั่งยืน”

โมเมนตัมของอุตสาหกรรม

Adobe Experience Cloud เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของวงการในด้านการส่งมอบ วัดผล และ personalize ประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งขณะนี้มีลูกค้ากว่า 12,000 ราย รวมถึงบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 100 ถึง 87% และบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 ถึง 74%ด้วยการสนับสนุนจากสมาชิกในอีโคซิสเต็มทั่วโลก 4,000 ราย และพาร์ทเนอร์ของแพลตฟอร์ม Adobe Experience 450 ราย โดย Adobe Experience Cloud ได้สร้างโซลูชั่นเพื่อช่วยแก้ปัญหาเฉพาะที่เกิดขึ้นในแต่ละอุตสาหกรรม ทำให้มีการตอบรับและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากหลากหลายอุตสาหกรรม

ในอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์, CVS Health, Elevance Health และ UnitedHealth Group เป็นบริษัทกลุ่มล่าสุดที่นำ Adobe Experience Cloud for Healthcare มาใช้เพื่อมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยให้กับผู้บริโภค และช่วยให้ผู้ป่วยได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของตนเอง

อะโดบียังได้ช่วยธุรกิจ B2B มากขึ้น โดยการทำการตลาดแบบ personalization ในอุตสาหกรรม B2B ชั้นนำเช่น Amazon Web Services, Cisco, IBM, Microsoft, Qualcomm และ Splunk

ในอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน องค์กรต่าง ๆ หันมาใช้ Adobe Experience Cloud มากขึ้นเพื่อสนับสนุนประสบการณ์personalization Adobe’s Real-Time Customer Data Platform (Real-Time CDP) ของอะโดบี ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เช่น Bank of America, Fidelity Investments, Morgan Stanley, U.S. Bank และ Wells Fargo มั่นใจได้ว่าลูกค้าของพวกเขาสามารถบริหารจัดการเป้าหมายการเงินของตนเองได้อย่างเหมาะสมโดยได้รับข้อมูลและข้อเสนอที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง และทันเวลา

นวัตกรรม Generative AI

บริการใหม่ Adobe Sensei GenAI ใน Adobe Experience Cloud จะนิยามวิธีที่องค์กรนำเสนอประสบการณ์ลูกค้าในแบบใหม่ บริการนี้จะรวมอยู่ใน Adobe Experience Cloud ในฐานะคู่หูคู่คิด (co-pilot) ของนักการตลาดเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมการควบคุมเชิงสร้างสรรค์เต็มรูปแบบและความสามารถด้านการกำกับดูแลที่เชื่อถือได้  Sensei GenAI จะใช้ประโยชน์จากโมเดลภาษาขนาดใหญ่หลายตัว (LLM) รวมถึง Microsoft Azure, OpenAI และ FLAN-T5 ภายใน Adobe Experience Platform ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของแต่ละธุรกิจ

นอกจากนี้ อะโดบียังเปิดตัว Adobe Firefly ซึ่งเป็นบริการตระกูลใหม่ของอะโดบีที่เป็นโมเดล creative generative AI โดยจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างภาพและเอฟเฟกต์ข้อความก่อน ซึ่งจะรวมเข้ากับ Adobe Experience Cloud สำหรับธุรกิจเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ออกแบบมาให้ปลอดภัยสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ Firefly รุ่นแรกของอะโดบีได้รับการเทรนด์เบื้องต้นเกี่ยวกับภาพ Adobe Stock หลายร้อยล้านภาพระดับมืออาชีพ, เนื้อหาคอนเทนต์ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผย และโดเมนคอนเทนต์สาธารณะเมื่อลิขสิทธิ์หมดอายุ เอาต์พุตที่สร้างโดย Firefly จะมีมูลค่าทางธุรกิจจริงในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากไม่ได้สร้างเนื้อหาตาม IP ของแบรนด์ หรือของผู้อื่น

Sensei GenAI และ Firefly จะทำหน้าที่เป็น co-pilot ของฝ่ายครีเอทีฟและฝ่ายการตลาด โดยจะช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยคอนเทนต์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว สามารถสร้างสรรค์ตามทันจินตนาการได้อย่างแม่นยำ ทรงพลังและสะดวกสบายมากขึ้นใน Adobe Creative Cloud, Adobe Experience Cloud, แอปพลิเคชันใน Adobe Document Cloud และเวิร์กโฟลว์ต่างๆ

นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เปิดตัวในการประชุม Adobe Summit ครั้งนี้

  • Adobe Product Analytics ใหม่ใน Adobe Experience Cloud กำหนดหมวดหมู่การวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ใหม่โดยรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ customer journey ทั้งในด้านการตลาดและผลิตภัณฑ์ เป็นครั้งแรกที่ทีมมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ของลูกค้าที่จะได้รับประโยชน์จากมุมมอง และการทำงานร่วมกันที่ราบรื่นทั่วทั้งองค์กร
  • อะโดบีปฏิวัติวงการด้วยการเปิดตัว Adobe Experience Manager (AEM) รุ่นใหม่ กำหนดความหมายใหม่ให้กับContent Management System ช่วยให้ทีมสามารถอัปเดตเว็บไซต์บริษัทและโมล์บายแอปได้อย่างง่ายดายโดยใช้เครื่องมือยอดนิยมที่ช่วยสร้างคำหรือสเปรดชีต เมื่ออุปสรรคทางเทคนิคลดลง Next-Gen AEM จะช่วยทำให้ enterprise content management ทำงานได้เร็ว AEM ใหม่นี้ยังใช้ Adobe Sensei AI ในการวิเคราะห์ว่าคุณลักษณะต่างๆ ของคอนเทนต์ส่งผลต่อ performance ของ audiences กลุ่มต่างๆอย่างไร และให้คำแนะนำที่ตอบโจทย์มากขึ้น
  • อะโดบีเปิดตัวโซลูชั่น Content Supply Chain ที่ครบวงจรเป็นครั้งแรกของวงการ ช่วยให้ทีมพัฒนาคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในเวลาที่น้อยลงผ่านการเชื่อมต่อกับการวางแผน การผลิต การส่งมอบและการวิเคราะห์ โซลูชั่นแบบครบวงจร Content Supply Chain ของอะโดบีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ประหยัดต้นทุน และยังส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยได้รวมแอพพลิเคชั่น บริการและการผสานระหว่าง Adobe Creative Cloud และ Adobe Experience Cloud เพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับแบรนด์ชั้นนำ รวมถึง Xfinity Creative
  • Adobe Express for Enterprise รุ่นใหม่ ได้นำหนึ่งในเครื่องมือที่เป็นนวัตกรรมใหม่และเข้าถึงได้มากที่สุดของ Creative Cloud มาไว้ในโซลูชั่นสร้างสรรค์ที่เป็นสากล สำหรับนักการตลาดและผู้นำองค์กร ช่วยให้ทุกคนไม่ว่าจะมีทักษะด้านการสร้างสรรค์มากหรือน้อยก็สามารถสร้าง ทำงานร่วมกัน และแชร์คอนเทนต์ของแบรนด์ได้อย่างง่ายดาย การผสานกันระหว่าง Adobe Express และ Adobe Experience Manager Assets ช่วยปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ด้านคอนเทนต์แบบ end-to-end ช่วยให้การพัฒนาคอนเทนต์และกระบวนการทางการตลาดเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น

Adobe Summit ได้กลับมาจัดที่ลาสเวกัสเป็นครั้งแรกหลังจากปี 2019 ในรูปแบบไฮบริด ทั้งออนไซต์และออนไลน์ที่ขับเคลื่อนโดย Adobe Experience Cloud โดยวิทยากรทรงคุณวุฒิที่มีชื่อเสียง และผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่ แอรอน ซอร์กิ้น นักเขียนบทและผู้กำกับ, ทิก โนทาโร นักแสดงและนักแสดงตลก,เพย์ตัน แมนนิงและดามาร์ แฮมลิน นักกีฬา NFL, เดฟ ริคส์ ซีอีโอของ Eli Lilly, ซูซาน ซอเมอร์ซิล จอห์นสัน CMO ของ Prudential Financial, มาร์คัส อีสต์ EVP และ CDO ของ T-Mobile, ดร. ลิซ่า ซู ประธานและซีอีโอของ AMD  ผู้เข้าร่วมงานจะได้เพลิดเพลินกับการแสดงสดของเหล่านักดนตรี Macklemore และ Rev. Run

Adobe ได้ให้ความสำคัญกับลูกค้า Experience Cloud ชั้นนำ ได้แก่ Chipotle, The Coca-Cola Company, General Motors, PGA TOUR, Prada, Prudential Financial, Qualcomm, T-Mobile และ Warner Bros. Discovery นอกจากนี้อะโดบียังประกาศความร่วมมือใหม่กับ Accenture, Amazon Ads, IBM, LinkedIn, Publicis และ TikTok เพื่อช่วยให้แบรนด์ระดับโลก personalize ประสบการณ์ดิจิทัลให้มีความเฉพาะบุคคล ปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ด้านการตลาด และจัดการ consent ของผู้ใช้งาน

หากท่านต้องการรับชม Adobe Summit ทางออนไลน์ หรือต้องการชมเซสชั่นต่างๆ ที่มีมากกว่า 200 เซสชั่นและเข้า hands-on labsทั้ง 11 แทร็ค รวมถึงสร้างเครือข่ายกับเพื่อนๆ หรือพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของอะโดบี เชิญเยี่ยมชมที่ Summit web experience.

 

เกี่ยวกับอะโดบี

อะโดบีกำลังเปลี่ยนแปลงโลกผ่านประสบการณ์ดิจิทัล ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.adobe.com.

Comments

comments