การทำความเข้าใจและปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้พละกำลังมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีขององค์กรมีความซับซ้อน ทุกองค์กรต่างต้องการแพลตฟอร์มหนึ่งเดียวเพื่อรันแอปพลิเคชันและข้อมูลได้จากทุกที่ ทั้งบนพับลิคและไพรเวทคลาวด์ ในดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบที่ติดตั้งอยู่ในองค์กร และที่เอดจ์
นูทานิคซ์ช่วยให้องค์กรได้ใช้แพลตฟอร์มหนึ่งเดียวที่จัดการได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับแอปพลิเคชันระดับองค์กร, คลาวด์-เนทีฟแอปพลิเคชัน, การวิเคราะห์และแมชชีนเลิร์นนิง, ดาต้าเบส, เดสก์ท็อป และบริการสำคัญต่าง ๆ นูทานิคซ์มอบอิสระให้องค์กรสามารถเลือกระบบ เลือกคลาวด์ เลือกแอปพลิเคชัน และเทคโนโลยีได้ตามต้องการ และให้องค์กรสามารถจัดการทุกอย่างได้จากจุดเดียวด้วยแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์
และนี่คือพลังอันน่าทึ่งของความเรียบง่ายที่นูทานิคซ์มีให้
พันธกิจของนูทานิคซ์
นูทานิคซ์ช่วยองค์กรปรับปรุงดาต้าเซ็นเตอร์ให้ทันสมัย – สร้างไพรเวทคลาวด์ด้วยไฮเปอร์คอนเวิร์จ ที่มีการประมวลผล การจัดเก็บ เวอร์ชวลไลเซชัน และเน็ตเวิร์กกิ้ง พร้อมสรรพ [Nutanix Cloud Infrastructure: NCI] และจะเป็นฐานรากสำหรับการใช้ไฮบริดคลาวด์ขององค์กร
นูทานิคซ์ช่วยให้องค์กรใช้คลาวด์ที่ใช้อยู่ทุกประเภทเสมือนเป็นคลาวด์เดียวกัน: ด้วยโซลูชันไฮบริด มัลติคลาวด์ของนูทานิคซ์ ที่ช่วยให้องค์กรย้ายแอปพลิเคชันและข้อมูลไปมาระหว่างพับลิคคลาวด์ ไพรเวทคลาวด์ และเอดจ์ ได้อย่างไม่ยุ่งยาก และได้สัมผัสประสบการณ์การใช้ไฮบริดมัลติคลาวด์อย่างแท้จริง
นูทานิคซ์ช่วยให้องค์กรรันแอปได้ทุกสเกล: ด้วยการใช้ Nutanix Cloud Platform รันแอปพลิเคชันและเวิร์กโหลดบนแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีความพร้อมใช้สูง มีประสิทธิภาพและมีความเรียบง่ายอย่างเหนือชั้น
ไฮไลท์ล่าสุดของบริษัท
ประกาศผลสำรวจ Global Enterprise Cloud Index (ECI) ครั้งที่ห้า
นูทานิคซ์ประกาศผลสำรวจ ECI ปีที่ 5 การสำรวจประจำปีนี้เป็นการวัดความก้าวหน้าของการใช้คลาวด์ขององค์กรต่าง ๆ โดยผลสำรวจจากผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีจำนวน 1,450 คน แสดงให้เห็นว่าองค์กรต่าง ๆ ต้องการแพลตฟอร์มไฮบริดมัลติคลาวด์หนึ่งเดียว เพื่อรันแอปพลิเคชันและบริหารจัดการดาต้าบนสถาพแวดล้อมไอทีที่แตกต่างกันได้ทั้งหมด
ผลสำรวจ ECI ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานไอทีมีความหลากหลายและแตกต่างกันมากขึ้น และองค์กรต่างพบกับความท้าทายที่จะต้องบูรณาการการบริหารจัดการและการควบคุมข้อมูลจากจุดเดียว
สรุปผลสำรวจทั่วโลก
โครงสร้างพื้นฐานไอทีมีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าครึ่งหนึ่ง (60%) ใช้สภาพแวดล้อมไอทีหลายประเภท และยังมีแผนทำเช่นนี้ต่อไปหรือมีแผนเพิ่มประเภทให้หลากหลายมากขึ้นอีกในอีกสามปีข้างหน้า มีการคาดการณ์ว่า การใช้โมเดลไฮบริดมัลติคลาวด์ ซึ่งประกอบด้วยไพรเวทคลาวด์ที่อยู่ในองค์กรหรือที่เอดจ์ บวกกับแพลตฟอร์มมัลติพับลิคคลาวด์ จะเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า ในขณะที่จะมีการใช้โมเดลอื่น ๆ คงที่หรือลดลง ในเวลาเดียวกัน ดาต้าจะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนที่มีบทบาทเบื้องหลังการตัดสินใจด้านไอทีมากขึ้น
องค์กรต่างเผชิญความท้าทายว่าจะลดความซับซ้อนและบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของตนอย่างไรที่จะสามารถรองรับทั้งแอปพลิเคชันและดาต้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสภาพแวดล้อมไอที และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ซึ่งรวมถึงวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืนและงบประมาณด้วย องค์กรส่วนใหญ่มีความคืบหน้าในการทำให้การจัดการง่ายขึ้น ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ระบุว่าสามารถทำให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างสภาพแวดล้อมไอทีต่าง ๆ ของตนได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามยังขาดการมองเห็นแบบองค์รวมว่าดาต้าของตนอยู่ ณ ที่ใดบ้าง ในขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจ 94% เห็นเหมือนกันว่าความสามารถในการมองเห็นได้ทั้งหมดเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้มีเพียง 40% เท่านั้นที่ระบุว่าสามารถมองเห็นว่าดาต้าของตนอยู่ที่ไหนได้อย่างสมบูรณ์ นั่นหมายความว่า 60% ยังไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
การไม่สามารถมองเห็นว่าดาต้าอยู่ที่ใด ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสามารถขององค์กรในการกำหนดและบังคับใช้นโยบายด้านความปลอดภัยได้อย่างรัดกุมกับทุกแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ใช้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผลสำรวจปีนี้พบว่าความปลอดภัยของดาต้าและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง การกำกับดูแล และปัญหาด้านการควบคุมดาต้า จึงยังคงเป็นสิ่งที่ผู้ตอบแบบสำรวจคำนึงถึงมากที่สุด
ไฮไลท์ผลสำรวจสำคัญของประเทศไทย
- องค์กรในประเทศไทยใช้ไอทีแบบผสมน้อยกว่าค่าเฉลี่ย
Figure 1. Use of Multiple IT Environments | ||
Thailand | All | |
Today | 36% | 60% |
In 1–3 years | 64% | 74% |
Figure 1.2 Thailand: IT Models in Use and Planned | ||
Today** | In 1–3 Years** | |
On-premises infrastructure only* | 32% | 24% |
Hosted infrastructure only* | 24% | 12% |
Single public cloud only* | 8% | 0% |
Both on-premises and hosted infrastructure | 12% | 6% |
Hybrid cloud | 22% | 2% |
Hybrid multicloud | 0% | 50% |
Multicloud only* | 2% | 6% |
*Exclusively in use/planned.
**Totals may not equal exactly 100% due to rounding. |
- หลักเกณฑ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่สำคัญที่สุดคือ การมีอำนาจในการควบคุมดาต้า
Figure 2. Top-Ranked Driver of Infrastructure Decisions | |||
Single Response Allowed* | |||
Thailand | APJ | All | |
Data sovereignty (e.g., policies across clouds, digital shredding, restore access controls, etc.) | 20% | 13% | 10% |
Flexibility to run across clouds and on-prem | 18% | 11% | 10% |
Sustainability | 12% | 8% | 7% |
Data protection and recovery (e.g., DR, replication, snaps, BU) | 10% | 10% | 10% |
Cybersecurity (including ransomware and malware protection) | 8% | 13% | 13% |
Data distribution across edge, datacenter, public cloud(s) | 8% | 7% | 8% |
Regulatory concerns and compliance | 6% | 8% | 8% |
Ability to easily move existing applications to the public cloud | 6% | 6% | 8% |
Data services (e.g. files/ blocks/ objects) | 4% | 8% | 8% |
Application requirements | 4% | 6% | 6% |
Performance | 2% | 6% | 8% |
Cost | 2% | 4% | 5% |
*Totals may not equal exactly 100% due to rounding. |
- สภาพแวดล้อมแบบผสมนำมาซึ่งความท้าทายใหม่ ๆ และจำเป็นต้องจัดการเวิร์กโหลดและดาต้าทั้งหมดได้จากจุดเดียว
Figure 3. Top Data Management Challenges in Mixed Environments | ||
Multiple Responses Allowed | ||
Thailand | Disaster recovery/business continuity | 52% |
APJ | Data analytics and orchestration | 51% |
All | Data storage costs | 43% |
Data analytics and orchestration | 43% |
- องค์กรไทยที่ตอบแบบสอบถามเกือบทั้งหมดย้ายแอปพลิเคชันระหว่างโครงสร้างพื้นฐานที่ต่างกันในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลที่แตกต่างจากองค์กรด้านไอทีในประเทศอื่น ๆ
Figure 4. Reasons for Moving Apps Across Infrastructure in the Past Year | |||
Multiple Responses Allowed | |||
Thailand | APJ | All | |
To improve data access speeds | 52% | 44% | 41% |
To improve our security posture and/or to meet regulatory requirements | 50% | 50% | 46% |
To gain better control of the application | 42% | 47% | 40% |
To integrate with cloud-native services (e.g., AI/ ML) | 42% | 46% | 42% |
Faster app development | 38% | 36% | 35% |
To meet sustainability goals | 36% | 44% | 39% |
Capacity concerns | 34% | 27% | 27% |
Disaster recovery | 30% | 27% | 28% |
Executive mandate | 26% | 24% | 24% |
Outsourcing IT management | 22% | 32% | 32% |
Cost | 16% | 24% | 21% |
- ผู้ตอบแบบสอบถามยังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่าย
บทสรุปและการคาดการณ์
ปัจจุบันบริษัทที่เข้าร่วมตอบแบบสอบถามในไทยยังมีการใช้โมเดลโครงสร้างพื้นฐานแบบหลากหลายน้อยกว่าค่าเฉลี่ยอยู่มาก และแผนการใช้งานในอีกสามปียิ่งอยู่ในระดับที่น้อยลงไปอีก แผนการขยายตัวเกือบทั้งหมดเน้นไปที่การเร่งเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานไฮบริดมัลติคลาวด์จาก 0% ในวันนี้เป็น 50% ในอีกสามปี โดยระหว่างนี้ พวกเขาตั้งใจที่จะลดรูปแบบการใช้ไอทีอื่น ๆ ทั้งหมด ยกเว้นการใช้งานพับลิคคลาวด์อย่างเดียวที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่คาดว่าจะขยายตัวจาก 2% เป็น 6%
ผู้ตอบแบบสอบถามจากประเทศไทยจำนวนมากระบุว่า อำนาจในการควบคุมข้อมูล/การปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ในขณะที่กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามระดับภูมิภาคในเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่กว่าเลือกอำนาจในการควบคุมข้อมูลและความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้มีความสำคัญสูงสุดพอกันและผู้ตอบแบบสำรวจ ECI ท้้งหมดเห็นว่าความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่สำหรับประเทศไทย ความปลอดภัยทางไซเบอร์มาเป็นอันดับห้า โดยเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงน้อยที่สุดในทั้งสามกลุ่ม
ความหลากหลายของโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการเน้นด้านดาต้าสตอเรจ, การจัดการ, การรักษาความปลอดภัย และบริการต่าง ๆ มากขึ้น กำลังผลักดันให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีทั้งหมดมองหาการดำเนินงานแบบผสมผสาน ที่เป็นอะไรที่มากกว่าโครงสร้างพื้นฐานแบบไพรเวทและพับลิค ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบทั้งหมดรวมทั้ง 98% ในไทยต้องการการมองเห็นและจัดการส่วนต่าง ๆ ของโครงสร้างพื้นฐานที่หลากหลายได้จากจุดเดียว เมื่อคุณลักษณะเหล่านี้มีพร้อมให้ใช้งาน ผู้ตอบแบบสอบถามก็จะสามารถเข้าถึงเครื่องมือแบบรวมศูนย์ที่แสดงตำแหน่งจัดเก็บข้อมูลทั้งหมด ทำให้ทีมไอทีสามารถจัดการแอปพลิเคชันและดาต้าได้แบบองค์รวม และปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในด้านค่าใช้จ่าย ประสิทธิภาพ การปกป้องข้อมูล และการปฏิบัติตามข้อกำหนด
การเปิดตัวล่าสุด
Nutanix Unifies Data Services Across Hybrid Multicloud Environments
ณ งาน .NEXT ที่จัดขึ้นที่ชิคาโกในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นูทานิคซ์ประกาศว่าได้เพิ่มความสามารถใหม่ ๆ ให้กับ Nutanix Cloud Platform โดยเป็นความสามารถที่จะช่วยให้ลูกค้าผสานรวมการบริหารจัดการดาต้าที่อยู่บนคอนเทนเนอร์ และเวอร์ชวลแอปพลิเคชันที่อยู่ในระบบภายในองค์กร บนพับลิคคลาวด์และที่เอดจ์ได้ ซึ่งรวมถึงบริการด้านดาต้าให้กับแอปพลิเคชัน Kubernetes ต่าง ๆ อย่างครอบคลุม และการเคลื่อนย้ายดาต้าข้ามคลาวด์ประเภทต่าง ๆ
Nutanix Data Services for Kubernetes™ (NDK) จะช่วยให้ลูกค้าควบคุมคลาวด์-เนทีฟแอปพลิเคชันและดาต้าได้ตามต้องการ ในเบื้องต้น NDK ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Nutanix Cloud Infrastructure (NCI) จะนำความสามารถอย่างเต็มประสิทธิภาพของสตอเรจ, สแน็ปช็อต, และการกู้คืนระบบ ที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานระดับองค์กร ของนูทานิคซ์มาใช้กับ Kubernetes NDK จะเสริมให้นักพัฒนา Kubernetes สามารถจัดการสตอเรจและบริการด้านดาต้าต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง ควบคู่กับสามารถมองเห็นความเป็นไปและควบคุมการใช้งานได้ นอกจากนี้ NDK ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับ Red Hat OpenShift ได้อีกด้วย
Nutanix Central, Cloud to Edge Management Solution
นูทานิคซ์เปิดตัว Nutanix Central โซลูชัน cloud-delivered ที่มอบสมรรถนะในการมองเห็นสถานะความเป็นไป การติดตามตรวจสอบ และการบริหารจัดการบนสภาพแวดล้อมพับลิคคลาวด์, ระบบที่ติดตั้งอยู่ในองค์กร, โครงสร้างพื้นฐานที่โฮสต์กับผู้ให้บริการ หรือที่เอดจ์ได้ครบถ้วนจากคอนโซลเดียว นับเป็นการขยายการใช้ Nutanix Cloud Platform ซึ่งเป็นโมเดลการดำเนินงานที่ใช้ได้ครอบคลุมกับคลาวด์ที่หลากหลาย ไปใช้ขจัดการทำงานที่เป็นไซโล และช่วยให้บริหารจัดการแอปพิเคชันและข้อมูลได้จากทุกที่เป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไม่ยุ่งยาก
Nutanix Central จะให้บริการการบริหารจัดการ cloud-delivered แบบรวมศูนย์ และการรายงานสภาพแวดล้อมที่อยู่บนนูทานิคซ์ทั้งหมดจากจุดเดียว ไม่ว่าจะเป็นไพรเวท พับลิค และเอดจ์ ทั้งยังรองรับการใช้งานหลายโดเมนร่วมกัน รวมถึงการจัดการระบบพิสูจน์อัตลักษณ์และการเข้าใช้ทรัพยากร (IAM) แบบรวมศูนย์, โปรเจกต์และหมวดหมู่ต่าง ๆ ทั่วโลก, การจัดการ fleet ทั่วโลก ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ทีมไอทีสามารถให้บริการโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่บริการตนเองได้ตามความต้องการ และยังสามารถควบคุมการปฏิบัติตามกฎระเบียบและความปลอดภัยได้
Project Beacon: Nutanix Announces Vision for Hybrid Multicloud Platform-as-a-Service
นูทานิคซ์ยังได้เปิดตัว Project Beacon ซึ่งเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นตลอดหลายปีที่ผ่านมาของบริษัทฯ ในการนำเสนอพอร์ตโฟลิโอบริการด้าน data-centric Platform as a Service (PaaS) ที่ยึดดาต้าเป็นศูนย์กลางและพร้อมใช้งานได้ทุกที่ รวมถึงบนแพลตฟอร์มของนูทานิคซ์ หรือบนเนทีฟพับลิคคลาวด์ Project Beacon สร้างจากวิสัยทัศน์ในการแยกแอปพลิเคชันและดาต้าออกจากโครงสร้างพื้นฐานหลัก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถสร้างแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพียงครั้งเดียวและนำไปใช้ได้ทุกที่
นูทานิคซ์มุ่งให้บริการแพลตฟอร์มเซอร์วิสที่องค์กรจำนวนมากต้องใช้ ให้เป็นส่วนหนึ่งของ Project Beacon ด้วย API และคอนโซลเดียว ที่ผสานการทำงานร่วมกับ Kubernetes® container และการบริหารจัดการที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันบนทุกสภาพแวดล้อม ชุด data-centric platform services นี้จะมีความโดดเด่นด้วยวิธีการบริหารจัดการที่ง่ายและสอดคล้องกัน, การเคลื่อนย้ายได้แบบอัตโนมัติ, การนำไลเซนส์ไปใช้งานบนสภาพแวดล้อมต่าง ๆ, นักพัฒนาสามารถบริการตนเองได้ ทั้งยังมาพร้อมกับความปลอดภัยและการกำกับดูแลที่มีให้กับทีมปฏิบัติการด้านคลาวด์ที่ติดตั้งมาพร้อมสรรพ บริการนี้จะช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์เข้าถึงชุดบริการ PaaS ที่ยึดดาต้าเป็นศูนย์กลางนี้ได้ ไม่ว่าจะอยู่บนเนทีฟพับลิคคลาวด์, ระบบภายในองค์กร หรือที่ edge ในเวลาเดียวกันทีมปฏิบัติงานจะสามารถคงการควบคุมและกำกับดูแลดาต้า, การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และปกป้องข้อมูลได้อย่างเต็มที่