ทุกธุรกิจมีจุดเริ่มต้นเสมอ และสิ่งที่เจ้าของธุรกิจมักให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆนั่นก็คือ “การสร้างแบรนด์” เพราะแบรนด์จะสามารถบ่งบอกตัวตนของสินค้าและบริการได้เป็นอย่างดี ปัจจัยสำคัญคือการสร้างแบรนด์ให้มีความโดดเด่น แข็งแกร่ง พร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ นอกเหนือจาก “ความสามารถ” และ “ประสบการณ์” ของเจ้าของธุรกิจ ซึ่งในงาน Adman Awards & Symposium 2023 ใน Session “Brand & Talent & Experience สุดยอดเคล็ดลับสร้าง Big Impact” ได้รับเกียรติจาก คุณอัศวิน พละพงศ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง DeeMoney มาร่วมสร้าง Talk Content ดีๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกโอกาสที่จะสร้าง Big Impact ในธุรกิจ
โดย “คุณอัศวิน” ผู้ร่วมก่อตั้ง DeeMoney ฟินเทคสัญชาติไทย ที่ให้บริการในด้านแพลตฟอร์มการโอนเงินไปต่างประเทศ รองรับมากกว่า 26 สกุลเงิน ครอบคลุมกว่า 50+ ประเทศทั่วโลก ได้เผยมุมมองอย่างน่าสนใจในเรื่องของการสร้างแบรนด์ที่ “Build Fast, Fail Fast” คือ การสร้างแบรนด์ให้เร็ว หากจะล้มก็ต้องลุกให้เร็ว และต้องรู้จักเรียนรู้ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้เราจะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ก่อน แล้วค่อย ๆ สร้างการรับรู้ โดยที่สินค้าและบริการของเราอาจจะไม่จำเป็นต้องดีที่สุด แต่ต้องสร้างสินค้าและบริการให้มีจุดเด่น และมีความหลากหลายเพื่อให้มีทางเลือก ซึ่ง “แบรนด์” สามารถมีหลาย “โปรดักส์” ได้ รวมทั้งเพิ่มนวัตกรรมใหม่ๆให้กับสินค้าและบริการอยู่เสมอ
DeeMoney มีนโยบายในการสร้างประสบการณ์ผ่าน “Brand Culture” ให้กับคนในองค์กรผ่านวัฒนธรรมองค์กร ที่เรียกว่า Smile Culture ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาเช่นเดียวกันกับ “การสร้างแบรนด์” เพราะ Mindset ของพนักงานภายในองค์กรจะสามารถส่งผ่านไปยังลูกค้าและผู้ใช้บริการ ซึ่ง DeeMoney เราให้ความสำคัญในแกนหลักใหญ่ๆ 4 เรื่อง ได้แก่ Good Ideas, Good People, Good Feeling, Good Outcomes ที่เป็น 4 แกนหลักในการขับเคลื่อนองค์กร โดย Good Idea คือต้อง “กล้าคิด” , Good People คือ มีสปิริตของผู้ประกอบการ จะมีประโยคหนึ่งของ Richard Branson นักธุรกิจชาวอังกฤษ ที่บอกว่า ถ้าอยากมอบ “ประสบการณ์ (Experience)” ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของคุณ คุณต้องลงทุนกับพนักงานคุณ, Good Feeling (ให้ความรู้สึกที่ดี) และ Good Outcomes (การให้ผลลัพธ์ที่ดี) ทั้ง 4 ส่วนนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะก่อให้เกิด “การเปลี่ยนแปลง (Revolution)” หลังจากที่เราลงทุนในเรื่องของการเพิ่ม “ความสามารถ (Talent) ของพนักงาน”
นอกจากนี้ในเซสชั่นดังกล่าว ยังมีการพูดถึง “ผู้บริหาร” ที่ควรส่งมอบ บุคลิกภาพ (Personallity) แบบไหนให้คนในองค์กร ซึ่ง คุณอัศวิน ก็ให้ความเห็นว่า การวางตัวของผู้บริหารต้องเป็น “Empathetic leader” ที่ต้องเข้าใจคนทำงานด้วยกัน ถึงจะไปด้วยกันได้ดี และวางตัวให้เหมาะสมกับขนาดของธุรกิจ เช่น ถ้าเป็นแบรนด์เล็ก ลูกค้าก็อยากเห็นหน้าผู้ก่อตั้งเพื่อสร้างความมั่นใจ แต่องค์กรที่ใหญ่ขึ้น ก็ต้องเอาแบรนด์ ภาพลักษณ์ และสินค้าไปขายมากกว่า
ที่ผ่านมา DeeMoney ถือเป็นองค์กรที่มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเสริมศักยภาพทางธุรกิจ ซึ่งมีโอกาสในการดิสรัปรูปแบบการทำงานด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาทดแทนการทำงานด้วยพนักงาน ทั้งนี้คุณอัศวิน ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจผ่านคำว่า “We work for customer” ซึ่งเป็นคำสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่มีความหมายที่กว้างมาก เพราะไม่ว่าเราจะใช้เทคโนโลยีหรือพนักงานก็จะต้องคำนึงถึง “ลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง (customer centric)” ซึ่งเจ้าของแบรนด์จะทราบว่าโซลูชั่นไหนที่มีความเหมาะสมในแต่ละช่วงธุรกิจ
นอกจากนี้ในปี 2024 DeeMoney ตั้งเป้ายกระดับแบรนด์ ที่เน้นการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เรามุ่งมั่นสร้าง “ประสบการณ์ (Experience)” ที่ดีให้เกิดขึ้นกับลูกค้า โดยจะไม่มุ่งเน้นการเเข่งขันด้านราคา เพราะถ้าเราสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการให้ลูกค้าได้ ลูกค้าจะไม่ตัดสินใจเลือกเราเพียงเพราะแค่ราคา แต่ลูกค้าจะพิจารณาผ่าน “ประสบการณ์” ที่ได้รับ พร้อมกล่าวว่าในปีหน้า หัวใจสำคัญในการสร้าง Brand Experience ที่ Impact คือจะต้องโฟกัส โดยเริ่มจาก Mindset ก่อน เพราะว่าในแง่ของผู้บริหาร เราต้องกล้าที่จะเปลี่ยน Mindsetเนื่องจากธุรกิจเปลี่ยนเร็ว มีช่องทางการตลาดใหม่ๆมากขึ้น จึงทำให้เราต้อง “เรียนรู้ใหม่ (Relearn)” สิ่งที่เรียนรู้มาแล้ว มันอาจจะไม่เพียงพอ เราต้องพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อก้าวให้ทันโลก
จากวิสัยทัศน์ของ “คุณอัศวิน” เชื่อว่าผู้บริหารต้อง “ไม่หยุดพัฒนาความคิด” และ “ไม่หยุดพัฒนาองค์กร” พร้อมทิ้งท้ายประโยคเด็ดไว้ว่า “ชีวิตและธุรกิจต้องไม่หยุดพัฒนา เมื่อใดที่ธุรกิจประสบความสำเร็จ ก็จะนำไปสู่ความยั่งยืนต่อไป”