บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขอขอบคุณนักลงทุนทุกกลุ่มที่ให้ความเชื่อมั่น ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอันดับ 1 ของประเทศไทย พร้อมทั้งได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ของโลกสำหรับดัชนีความยั่งยืน Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 จากกระแสตอบรับอย่างล้นหลามส่งผลให้ยอดจองซื้อหุ้นกู้เต็มจำนวน 12,000 ล้านบาทอย่างรวดเร็ว บริษัทจึงได้เปิดขายหุ้นกู้สำรองเพิ่มเติมอีก 3,000 ล้านบาท เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนและร่วมเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกันกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือในระดับA+ ส่งผลให้สามารถปิดการขายหุ้นกู้ครั้งนี้ได้รวมถึง 15,000 ล้านบาท

นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนทุกๆ ท่านที่ให้ความสนใจและไว้วางใจลงทุนในหุ้นกู้ของทรู ตลอดจนขอขอบคุณสถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 6 แห่งที่ให้ความสนับสนุนบริษัทด้วยดีเสมอมา ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ยูโอบี และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส รวมทั้งนักลงทุนที่จองหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet การลงทุนในหุ้นกู้ทรูนับเป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวน โดยทรูมุ่งมั่นที่จะสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจและยึดหลักบรรษัทภิบาลที่ดี จึงได้รับความไว้วางใจและกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน”

ทั้งนี้ หุ้นกู้ที่เสนอขายมี 5 ชุด มีอายุตั้งแต่ 1 ปี 3 เดือน จนถึง 10 ปี พร้อมอัตราดอกเบี้ยคงที่ตั้งแต่ร้อยละ 2.95 ถึง 4.30 ต่อปี ซึ่งช่วยให้นักลงทุนวางแผนการลงทุนได้ยืดหยุ่นตามระยะเวลาลงทุนที่ต้องการ และตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทและหุ้นกู้ยังได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ A+ แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” จากทริสเรทติ้ง สะท้อนความน่าเชื่อถือของบริษัทในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมที่มีฐานะทางการเงินมั่นคง มีความแข็งแกร่งทางธุรกิจและมีศักยภาพในการเติบโต

เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้นอกจากจะนำไปใช้ชำระคืนหนี้เดิมแล้ว ยังเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจและเพิ่มมูลค่ากิจการ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งบริษัทและผู้ถือหุ้นกู้อย่างยั่งยืน ทรูมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักบรรษัทภิบาลที่ดี คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป

Comments

comments