บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นำโดย รศ. ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กสทช. ด้านโทรคมนาคม ในโอกาสเยี่ยมชมเสาสัญญาณและการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายภายหลังการควบรวมของทรูและดีแทค ในเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร โดยมีนายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี และนายจิระชัย คุณากร รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและทีมงานให้การต้อนรับ
การตรวจสอบในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่าภายหลังการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทค ทางทรู คอร์ปอเรชั่นได้ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายเพื่อคุณภาพการใช้งานสัญญาณมือถือ 5G และ 4G ให้แก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการโครงข่าย ทั้งนี้ ก่อนและหลัง การพัฒนาโครงข่ายทันสมัย (Network Modernization) มีบางแห่งที่รวมเสาสัญญาณเพื่อลดจุดซ้ำซ้อนแต่ไม่ได้ลดอุปกรณ์รับ-ส่งหรือสถานีฐาน อีกทั้งยังเพิ่มการลงทุนเปลี่ยนอุปกรณ์รุ่นใหม่ที่ทันสมัยในการรับส่งสัญญาณครอบคลุมคลื่นความถี่ใช้งานทั้ง 5G และ 4G เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของพื้นที่ให้บริการทั่วประเทศ
นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทรูและดีแทคได้ผสานรวมกันสู่บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย และมีโครงการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนมือถือ 5G, 4G มุ่งเน้นการขยายพื้นที่ให้บริการครอบคลุมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มคุณภาพและความเร็วของสัญญาณด้วยการผสานโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งทีมงานได้วางแผนวิเคราะห์แต่ละพื้นที่อย่างละเอียด รวมทั้งประเมินการใช้งานในอนาคตของแต่ละแห่ง โดยให้ความสำคัญต่อการส่งมอบคุณภาพเครือข่ายที่ดีที่สุด และยังเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ปัจจุบัน ทรู คอร์ปอเรชั่นเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ที่ครอบคลุมประชากรมากที่สุดในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตลอดจนโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยมีเครือข่าย 5G ครอบคลุม 99% ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และครอบคลุม 90% ทั่วประเทศ”
การพัฒนาโครงข่ายทันสมัย (Network Modernization) การผสานจุดแข็งเสาสัญญาณและคลื่นความถี่ของทรูและดีแทค
- เพิ่มคุณภาพบริการและเปลี่ยนอุปกรณ์ทันสมัย: การรวมเสาสัญญาณของทั้งสองบริษัทจะช่วยลดจำนวนเสาสัญญาณในจุดที่ซ้ำซ้อน แต่ไม่ได้ลดจำนวนสถานีฐานหรืออุปกรณ์รับส่งสัญญาณ โดยจะเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่เพิ่มประสิทธิภาพบริการ และมีส่วนในการบริหารการลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ขยายพื้นที่ให้บริการ: การใช้งานเสาสัญญาณร่วมกันจะทำให้ทั้งทรูและดีแทคสามารถขยายพื้นที่ให้บริการได้กว้างขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล
- รองรับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง: การรวมเสาสัญญาณทรูและดีแทคจะสามารถพัฒนาและขยายโครงข่าย 5G, 4G ได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงการติดตั้งเพิ่มคลื่นความถี่ให้กับสถานีฐานมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเพิ่มคุณภาพและความเร็วการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: การลดความซ้ำซ้อนจำนวนเสาสัญญาณบางแห่ง และเปลี่ยนใช้อุปกรณ์รับส่งคลื่นความถี่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้ประหยัดพลังงาน และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการวางแผน
“ประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าโดยเฉพาะเรื่องคุณภาพสัญญาณ เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด ทรู คอร์ปอเรชั่นจึงมุ่งพัฒนาเครือข่ายคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายพื้นที่ให้บริการ นำคลื่นความถี่ที่ครอบคลุมทุกย่านมาใช้งานร่วมกันเพื่อให้บริการมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายที่มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เราขอขอบคุณ กสทช. ที่ให้ความสำคัญและร่วมตรวจสอบการดำเนินงานของเรา สร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าของเราทั้งทรูและดีแทคว่าจะได้รับบริการที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน” นายประเทศกล่าวในที่สุด
การพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการพัฒนาโครงข่ายของทรูและดีแทค ที่จะช่วยให้ทั้งสองแบรนด์สามารถพัฒนาและให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จากการร่วมตรวจสอบจาก กสทช. ได้ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าว่าการพัฒนาเสาสัญญาณหลังการควบรวมจะส่งผลดีต่อคุณภาพการให้บริการอย่างแท้จริง