AIS Business ในฐานะผู้นำบริการด้านดิจิทัลเทคโนโลยีเพื่อองค์กรภาคธุรกิจของไทย กางแผนธุรกิจ 2024-2025 ชูแนวคิด AIS Business Digital Evolution: Sustainable Business for a Sustainable Nation พร้อมนำศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายอัจฉริยะติดสปีดการทำงานขององค์กรภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ช่วยหนุนขีดความสามารถและความได้เปรียบทางการแข่งขันให้ประเทศ รวมถึงยังสร้างแลนด์มาร์คใหม่ใจกลางThailand Digital Valley ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กับการเปิดตัว ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจหรือ AIS EEC ที่จะเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีโซลูชันส์เพื่อภาคธุรกิจ ทั้งในมิติด้านองค์ความรู้ การทดลองทดสอบ พร้อมสัมผัสประสบการณ์ Use Cases จริงสุดล้ำ เสริมภาพเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม

นายภูผา เอกะวิภาต  รักษาการหัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า “ปี 2024 ยังเป็นปีที่ท้าทาย จากผลกระทบของสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่กระทบโดยตรงไปยังระบบเศรษฐกิจโลก และของไทย  ดิจิทัลจึงกลายเป็น Norm ของการสร้างสรรค์ Business Model ที่แตกต่างในทุกธุรกิจ ดังนั้นการจะเดินหน้าได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืนนั้น จำเป็นอย่างมากที่จะต้อง Transform องค์กรด้วย ดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อให้องค์กรมีขีดความสามารถใหม่ๆ ที่พร้อมรับมือและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลโซลูชันส์และ ICT สำหรับองค์กรภาคธุรกิจ ด้วยแนวคิด AIS Business Digital Evolution: Sustainable Business for a Sustainable Nation จึงพร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายด้านอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ให้เติบโต อุ่นใจ อย่างยั่งยืน รับมือความท้าทาย ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลกและหน่วยงานหลักด้านนวัตกรรม รวมไปถึงสถาบันการศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชน   ผ่าน 5 ขุมพลังด้านดิจิทัล ประกอบด้วย

  • 5G Ecosystem ขุมพลัง 5G อัจฉริยะ  จากศักยภาพและคลื่นความถี่ซึ่งมีมากที่สุดในรูปแบบหลากหลายทั้ง Network Slicing,  Private Network เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังเช่น ล่าสุด โรงงาน Midea Smart Factory ผู้นำการผลิตเครื่องปรับอากาศและอุปกรณ์ไฟฟ้ารายใหญ่ ได้เลือกใช้ AIS Dedicated 5G Private Network เป็นโครงข่ายหลัก นอกจากนั้นด้วยศักยภาพของ  Paragon Platform แพลตฟอร์มที่รวบรวม 5G  โซลูชัน อาทิ  5G Network Orchestrator, MEC, Edge, Cloud,  Application Ecosystem ก็เริ่มมีกว่า 17 องค์กร ที่เริ่มใช้งานจริงแล้วเช่นกัน อาทิ  Mitsubishi Electric, Schneider Electric , AI and Robotics Ventures เป็นต้น

  • Intelligent Network and Infrastructure ขุมพลังแห่งโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการองค์กรและการประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็วและปลอดภัยในยุคปัจจุบัน พร้อมให้บริการตอบโจทย์ทุกองค์กร ครบครันตั้งแต่ On-Premise Cloud ไปจนถึงระดับไฮเปอร์สเกล ยืนยันด้วยรางวัล Microsoft Partner of the Year – Thailand 3 ปีซ้อน (2022-2024), ผู้ให้บริการ Broadcom’s VMware Cloud Service Provider อันดับหนึ่งในไทย พร้อมความร่วมมือกับOracle เพียงรายเดียวในประเทศไทย ที่จะให้บริการ Cloud ที่สนับสนุนการบริหารจัดการสำหรับองค์กรที่เติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังพร้อมแล้วที่จะให้องค์กรต่างๆ สามารถแสดงความจำนงการใช้บริการ ศูนย์ GSA ดาต้าเซ็นเตอร์ จากความร่วมมือของ Gulf, Singtel และ AIS ขนาดกว่า 20 เมกะวัตต์ ที่มุ่งนำเทคโนโลยีล้ำสมัย จากพลังงานสะอาด ได้แล้ว ก่อนเตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2025

  • AI and Data Analytics ขุมพลังแห่งปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่พร้อมเปิดตัวบริการ Analytic X บริการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Data Insight) ที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถนำข้อมูลไปปรับใช้ในการวางกลยุทธ์และสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างตรงจุด

  • Digital Platform and APIs ขุมพลังแห่งการเชื่อมต่อ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล อย่าง AIS Open APIs มาตรฐานระดับโลกของ GSMA และ CAMARA ที่ทำให้นักพัฒนา สามารถออกแบบบริการที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และ AIS  CPaaS – Communication Platform as a service แพลตฟอร์มการสื่อสารในรูปแบบบนคลาวด์ ที่ช่วยยกระดับการสื่อสารขององค์กร ให้สามารถสื่อสารได้แบบเรียลไทม์ ทั้ง เสียง วิดีโอ และ SMS โดยวันนี้ ไปรษณีย์ไทย ได้มอบความไว้วางใจเลือกใช้บริการนี้เป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างบุรุษไปรษณีย์กับผู้รับ ผ่าน ระบบสมาร์ทคอล ที่นอกจากจะช่วยให้สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการอีกด้วย

  • Industry Transformation ขุมพลังการยกระดับภาคอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปทรานสฟอร์มองค์กร โดยเน้นให้ความสำคัญกับองค์กรในทุกระดับ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต, ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก, ธุรกิจ SME, องค์กรสาธารณะและภาครัฐ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมในเขตพื้นที่ EEC จึงเป็นที่มาของการทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด เปิดตัว AIS EEC – Evolution Experience Center หรือ ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจ AIS EEC  แห่งแรกที่ตั้งอยู่ใจกลาง Thailand Digital Valley ภายในพื้นที่ EEC เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลาง การเรียนรู้เทคโนโลยีโครงสร้างดิจิทัล 5G และ Platform พร้อม สัมผัสประสบการณ์ ทดลอง ทดสอบ การใช้เทคโนโลยีกับการTransform ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมได้เสมือนจริง พร้อมเปิดให้เยี่ยมชมได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

พร้อมกับเดินหน้ายกระดับทักษะด้านดิจิทัลเทคโนโลยีให้กับบุคลากรและตลาดแรงงานให้มีขีดความสามารถพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในทุกรูปแบบ ผ่านการทำงานร่วมกับ สำนักงานคณะทำงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC HDC ทั้ง 8 ศูนย์ผู้เชี่ยวชาญความเป็นเลิศด้านอุตสาหกรรม ประกอบไปด้วย 1. ศูนย์ความเป็นเลิศด้าน Automation 2. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการท่องเที่ยว 3. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้า 4. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านพาณิชย์นาวี 5. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านแมคคาทรอนิกส์ 6. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านอากาศยาน 7. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และ 8. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยี Digital AI & 5G ภายใต้ 6 เครือมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ, วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ, สถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และสถาบันไทย-เยอรมัน

“จากการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามั่นใจว่า จะสามารถใช้ศักยภาพของดิจิทัลเทคโนโลยีมาสนับสนุนและช่วยทรานส์ฟอร์มภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ผ่านเครื่องมือ และโซลูชันส์ที่ตอบโจทย์ ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายการทำงานครั้งนี้ไม่เพียงขับเคลื่อนการเติบโตเท่านั้น แต่ต้องเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืน อันจะเป็นแรงส่งสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้มีขีดความสามารถใหม่ๆ สร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืนท่ามกลางความท้าทายในปัจจุบันและอนาคต” นายภูผากล่าวทิ้งท้าย

Comments

comments