บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 5 ชุด อายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [2.85 – 4.30]% ต่อปี ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง สะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่นที่มีความมั่นคงทั้งในธุรกิจโทรคมนาคม และธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 27 – 29 สิงหาคม 2567 ผ่าน 7 สถาบันการเงินชั้นนำได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์  ซีไอเอ็มบี ยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส รวมถึงการขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet และมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสแรกของปี 2567 นับว่าประสบความสำเร็จสูงกว่าที่บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการเติบโตที่สร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน สำหรับรายได้ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยได้แรงหนุนจากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจออนไลน์ และธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก พร้อมการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมและการเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กร ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา หรือ EBITDA เติบโตขึ้น 5 ไตรมาสติดต่อกันนับตั้งแต่ควบรวมบริษัท โดยในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯมี EBITDA เพิ่มขึ้น 21.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่งผลทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิภายหลังการปรับปรุง (Normalized) 802 ล้านบาท”

ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น มีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 51.1 ล้านราย โดยมีผู้ใช้งาน 5Gจำนวน 11 ล้านราย เพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ที่ครอบคลุมประชากรมากที่สุดในประเทศไทย โดยกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตลอดจนโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) มีเครือข่าย 5G ครอบคลุมถึง 99% และครอบคลุม 90% ทั่วประเทศ ซึ่งการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่องไม่เพียงแต่เพิ่มโอกาสในการให้บริการที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้น  แต่ยังช่วยให้มีการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ซึ่งช่วยส่งเสริมให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  อันเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของบริษัทฯ ในฐานะบริษัทโทรคมนาคมที่ยั่งยืนที่สุดอันดับ 1 ในโลกด้วยคะแนน DJSI 2023 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน

บริษัทฯ และหุ้นกู้ยังคงได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่”(Stable) จากบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 เช่นเดียวกับที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจในสถานะผู้นำทางการตลาด (Market Position) ในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย อีกทั้งปัจจัยบวกจากประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการควบรวม รวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

หุ้นกู้ครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) โดยมีอายุหุ้นกู้ระหว่าง 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ในการชำระคืนหนี้คงค้าง โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 27 – 29 สิงหาคม 2567 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนหุ้นกู้ทุกชุดที่ผ่านมาของบริษัทฯ โดยหุ้นกู้ทั้ง 5 ชุดที่เสนอขาย มีรายละเอียด ดังนี้

  1. 1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [2.85 – 2.95]% ต่อปี
  2. 2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี 5 เดือน 29 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.45 – 3.55]% ต่อปี
  3. 3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 3 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.65 – 3.75]% ต่อปี
  4. 4. หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 5 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.95 – 4.05]% ต่อปี
  5. 5. หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.15 – 4.30]% ต่อปี

ซึ่งเฉพาะรุ่นอายุ 10 ปี ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้ตั้งแต่หุ้นกู้ครบปีที่5

ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 7 แห่ง ได้แก่

  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking
  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai
  • ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285 1555
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02 680 4004
  • บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02 165 5555 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปฯ Dime! และรวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

สำหรับผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet สามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงรายละเอียด ขั้นตอน และวิธีการสมัคร TrueMoney Wallet Application และวิธีการจองซื้อ ได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6

 

Comments

comments