OPPO บริษัทสมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลกก้าวสู่ความสำเร็จครั้งสำคัญด้วยการเป็นบริษัทแรกที่นำเทคโนโลยี Mixture of Experts (MoE) มาใช้บนมือถือ ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพการประมวลผล AI ทำให้เกิดโอกาสใหม่ในการพัฒนา AI บนอุปกรณ์ให้มีความล้ำหน้า และยืดหยุ่นมากขึ้น และปูทางสำหรับนวัตกรรมในอนาคตเกี่ยวกับการรวม AI เข้ากับฮาร์ดแวร์มือถือ

เทคโนโลยี AI กำลังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีการใช้งาน AI บนมือถือมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ AI ที่มีขนาดใหญ่ต้องการพลังประมวลผลสูง ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง โดยเฉพาะบนมือถือที่มีทรัพยากรฮาร์ดแวร์จำกัด เพื่อแก้ปัญหานี้ OPPO จึงร่วมมือกับผู้ผลิตชิปเซ็ตชั้นนำเพื่อนำเทคโนโลยี MoE มาใช้งานบนสมาร์ตโฟน

เทคโนโลยี MoE สามารถเลือกใช้ส่วนย่อยเฉพาะของ AI (เรียกว่า “Experts”) เพื่อทำหน้าที่เฉพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การประมวลผลเร็วขึ้น ลดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ รวมถึงการถ่ายโอนข้อมูล การทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่า MoE ทำให้ AI ทำงานได้เร็วขึ้นประมาณ 40% ลดความต้องการทรัพยากร และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ซึ่งหมายถึงทำให้การตอบสนองของ AI เร็วขึ้น อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น และความเป็นส่วนตัวสูงขึ้น เนื่องจากมีการประมวลผลข้อมูลบนอุปกรณ์มากขึ้น

Illustration of MoE Architecture

OPPO สามารถนำเทคโนโลยี MoE มาใช้บนสมาร์ตโฟนได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าทางด้านนวัตกรรม AI MoE ช่วยลดการประมวลผล AI ทำให้สมาร์ตโฟนหลากหลายรุ่น ตั้งแต่ระดับแฟลกชิปจนถึงระดับราคาประหยัด สามารถทำงาน AI ที่ซับซ้อนได้ ส่งผลให้นำ AI มาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เร็วขึ้น ดังนั้นเทคโนโลยี MoE บนสมาร์ตโฟนจึงเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมนำความสามารถ AI ขั้นสูงให้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น 

OPPO ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยี AI และทำให้เข้าถึงผู้ใช้ได้มากขึ้น บริษัทมีสิทธิบัตรเกี่ยวกับ AI กว่า 5,860 รายการ และยังคงลงทุนอย่างมากในการวิจัยและพัฒนา AI นอกจากนี้การก่อตั้งศูนย์ AI ของ OPPO ในปี 2024 เป็นก้าวสำคัญในการรวมศูนย์การวิจัย AI ซึ่งสนับสนุนภารกิจของบริษัทในการมอบประสบการณ์ AI คุณภาพสูงให้กับผู้ใช้ทั่วโลก ผ่านการวิจัยอย่างต่อเนื่อง อย่าง MoE และการนำฟีเจอร์ AI มาใช้ในสมาร์ตโฟน OPPO มุ่งมั่นที่จะนำประสบการณ์ AI คุณภาพสูงมาสู่ผู้คนมากขึ้น เพื่อให้เทคโนโลยีAI เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้งานในทุกประเภทของอุปกรณ์ OPPO

Comments

comments