AIS ตอกย้ำที่ 1 ตัวจริง โครงข่ายอัจฉริยะ SEA COVERAGE ที่ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานกว่า 95% ของพื้นที่ประชากรในภาคใต้ ยืนยันความพร้อมของโครงข่ายสื่อสารทั้ง 5G, 4G ต้อนรับการใช้งานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นปีและไฮซีซันด้านการท่องเที่ยวของภาคใต้ รวมถึงยังเดินหน้านำนวัตกรรมและสุดยอดเทคโนโลยีมายกระดับการทำงานของโครงข่ายดิจิทัลให้ตอบโจทย์การใช้งานทุกกลุ่ม ทั้งภาครัฐ ภาคบริการ ผู้ประกอบการประมง ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และจากทั่วโลก
นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี AIS กล่าวว่า “แนวคิดทำงานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในพื้นที่ภาคใต้ให้ ลึก สูง กว้าง ไกล ถูกเชื่อมโยงเข้ากับ Ecosystem Economy ในทุกมิติ นั่นหมายความว่าทุกตารางเมตรที่โครงข่ายสัญญาณ AIS เข้าถึงจะไม่ได้สร้างประโยชน์เพียงแค่การติดต่อสื่อสารในโลกดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังต้องช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจภาคใต้ทั้งระบบ ตั้งแต่การใช้งานของลูกค้าประชาชนในพื้นที่ ไปจนถึงภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการ ธุรกิจทัวร์ โรงแรม ผู้ให้บริการท่าเรือเฟอรี่ เรือยอร์ช เรือสปีดโบ๊ท ร้านอาหาร หรือแม้แต่ภาคอุตสาหกรรมประมงชายฝั่งทะเล และประมงน้ำลึก”
นายไพบูลย์ รินทร์สกุล หัวหน้าส่วนงานปฏิบัติการภูมิภาค ภาคใต้ AIS (ที่ 2 จากซ้าย) กล่าวเสริมอีกว่า “ที่ผ่านมา AIS สามารถยกระดับคุณภาพการให้บริการ คุณภาพเครือข่ายในพื้นที่ภาคใต้ และโครงข่ายทางทะเลหรือ SEA COVERAGE ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ในบริเวณชายฝั่ง เกาะ กลางทะเล เส้นทางการเดินทาง ทั้งทางทะเล ทางบก และทางอากาศ ทั้งในแง่ของ Reliability หรือความเสถียรและต่อเนื่องของการใช้งาน และการขยาย Coverage อย่างต่อเนื่อง ด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมโครงข่าย การผสมผสานระบบสื่อสัญญาณ หรือ Transmission พร้อมนำนวัตกรรมการพัฒนาอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยี รวมถึงการพลังงานทดแทนจากธรรมชาติเข้ามาใช้งานให้สอดคล้องกับความท้าทายในเชิงของลักษณะเฉพาะทางภูมิศาสตร์ ตั้งแต่ชายฝั่ง บนเกาะ ไปจนถึงพื้นที่กลางทะเลเพื่อให้โครงข่ายอัจฉริยะของ AIS มีความพร้อมในการใช้งานที่เป็นมากกว่าระบบสื่อสาร
ทำให้วันนี้ AIS มีโครงข่ายสัญญาณทั้ง 5G และ 4G ที่ครอบคลุมแล้วกว่า 95% ของพื้นที่ในภาคใต้ รวมถึงความมุ่งมั่นในการขยายโครงข่ายในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกให้เป็นหนึ่งใน Destination ด้านการท่องเที่ยว อาทิ เขื่อนรัชประภา จังหวัดสุราษฏร์ธานี, อ่าวมาหยา จังหวัดกระบี่, อ่าวช่องขาดและหาดไม้งาม อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ พังงา ให้ตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สามารถถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ ทำคอนเทนต์ เพื่ออัพและแชร์ในโซเชียลให้คนทั่วโลกได้เห็นกันแบบเรียลไทม์”
“เพื่อเป็นการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจากทั่วโลกที่กำลังจะเดินทางมาสัมผัสความสวยงามทางธรรมชาติของแหล่งท่องเที่ยวในภาตใต้ของประเทศไทยในช่วงไฮซีซั่น เราขอยืนยันถึงความพร้อมของโครงข่ายสื่อสาร AIS SEA COVERAGE ที่จะสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างดีที่สุด และเราเชื่อว่าด้วยศักยภาพและขีดความสามารถของระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลของ AIS จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ช่วยส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวกลับมาแข็งแกร่ง และสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจภาคพื้นทะเลให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป” นายกิตติ กล่าวทิ้งท้าย