Google กลับมาใช้การติดตามด้วย Digital Fingerprinting: ผลกระทบและสิ่งที่คุณควรรู้

ในขณะที่ Google กำลังให้คำมั่นว่าจะยกเลิกคุกกี้ติดตามผ่านระบบแจ้งเตือนให้ผู้ใช้เลือกยกเลิก (opt‑out) การติดตามแบบเดิม แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทกลับกลับมาใช้เทคนิคการติดตามที่เรียกว่า “Digital Fingerprinting” โดยไม่มีตัวเลือกให้ผู้ใช้ยกเลิก นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่สร้างความกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานทั่วโลก


Digital Fingerprinting คืออะไร?

Digital Fingerprinting เป็นเทคนิคการเก็บรวบรวมข้อมูลเฉพาะของอุปกรณ์ผู้ใช้ เช่น รายละเอียดฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ขนาดหน้าจอ เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ และการตั้งค่าต่าง ๆ เมื่อรวมข้อมูลเหล่านี้เข้าด้วยกัน จะสามารถระบุอุปกรณ์และผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ แม้จะไม่มีคุกกี้หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่เปิดเผยออกมา

ประวัติและการกลับมาใช้ใหม่ของ Google

ในปี 2019 Google เคยระบุว่าการใช้ digital fingerprinting ถือเป็นแนวทางที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวและได้หยุดใช้งานในช่วงเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงกดดันจากอุตสาหกรรมโฆษณาและความต้องการที่จะติดตามผู้ใช้ในทุกอุปกรณ์ ทั้งคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน ทีวี และอุปกรณ์สมาร์ทอื่น ๆ Google จึงกลับมาใช้เทคนิคนี้อีกครั้ง โดยการขยายการใช้งานออกไปในทุกแพลตฟอร์มโดยที่ผู้ใช้ไม่สามารถเลือกที่จะยกเลิกการติดตามได้

ทำไม Digital Fingerprinting ถึงเป็นปัญหาต่อความเป็นส่วนตัว?

นักวิจารณ์และนักรณรงค์ด้านความเป็นส่วนตัวหลายฝ่าย เช่น Mozilla และหน่วยงานกำกับดูแลข้อมูลในสหราชอาณาจักร ได้ให้เหตุผลว่า:

  • แทบจะไม่มีทางเลือก: ผู้ใช้แทบจะไม่สามารถ opt‑out หรือหยุดการเก็บรวบรวมข้อมูลลักษณะนี้ได้
  • การระบุตัวตนอย่างแม่นยำ: แม้ว่าจะไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลตรงๆ แต่ข้อมูลที่รวบรวมจากอุปกรณ์สามารถนำมาประกอบกันเพื่อระบุตัวตนของผู้ใช้ได้
  • ผลกระทบต่อเสรีภาพออนไลน์: การเข้าถึงข้อมูลดิจิทัลในระดับนี้อาจเปิดทางให้บริษัทโฆษณาและผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ใช้ข้อมูลเพื่อทำการตลาดในรูปแบบที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

บทบาทในอุตสาหกรรมโฆษณาและข้อมูล

รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการขายข้อมูล (data brokerage) มีมูลค่ากว่า 390 พันล้านดอลลาร์ โดยมีความก้าวหน้าทางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยเร่งกระบวนการเก็บรวบรวมและการติดตามข้อมูลข้ามอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง เมื่อเทคโนโลยีอย่าง Digital Fingerprinting ถูกนำมาใช้ในวงกว้าง จะทำให้ผู้ลงโฆษณาสามารถเข้าถึง “ลายนิ้วดิจิทัล” ของผู้ใช้ในแบบที่ละเอียดอ่อนและรุกล้ำยิ่งขึ้น

แนวทางป้องกันและข้อเสนอแนะสำหรับผู้ใช้

แม้ว่าการติดตามด้วย Digital Fingerprinting จะเป็นแนวโน้มที่คาดว่าจะขยายตัว แต่ผู้ใช้ก็ยังมีทางเลือกในการป้องกันข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้ เช่น:

  • ใช้ VPN และการเข้ารหัส: การใช้ VPN ที่น่าเชื่อถือจะช่วยซ่อนที่อยู่ IP และลดโอกาสในการถูกติดตามข้ามอุปกรณ์
  • ปรับแต่งการตั้งค่าเบราว์เซอร์: เลือกใช้เบราว์เซอร์ที่มีฟีเจอร์ป้องกันการติดตาม (tracking protection) หรือฟีเจอร์ “resistFingerprinting” ที่มีใน Firefox
  • ใช้เครื่องมือเสริมความเป็นส่วนตัว: มีส่วนขยาย (extensions) และโปรแกรมป้องกันการติดตามที่สามารถช่วยลดการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้

สรุป

การกลับมาใช้ Digital Fingerprinting โดย Google ทำให้เกิดความกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน แม้จะมีความพยายามยกเลิกคุกกี้ติดตามในบางส่วน แต่การเก็บ “ลายนิ้วดิจิทัล” กลับเพิ่มความซับซ้อนและเสี่ยงต่อการถูกติดตามในระดับที่ลึกซึ้งกว่าเดิม ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วในยุค AI ผู้ใช้งานและหน่วยงานกำกับดูแลต้องร่วมกันหาทางออกเพื่อให้การควบคุมและการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในระดับที่เหมาะสม


ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว เราควรตระหนักถึงความสำคัญของความเป็นส่วนตัวและเตรียมพร้อมรับมือกับเทคนิคการติดตามใหม่ ๆ ด้วยความรู้และเครื่องมือป้องกันที่เหมาะสม เพื่อให้เราสามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัวสูงสุด

Comments

comments