แกร็บ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำแอปเรียกรถอันดับ 1[2] เดินหน้ารุกตลาดลักชัวรี เปิดตัว GrabExecutive บริการเรียกรถล่วงหน้าระดับพรีเมียมอย่างเป็นทางการ ชูไฮไลท์ด้านบริการระดับเวิลด์คลาสที่มาพร้อมรถหรูให้เลือกสรร อาทิ Mercedes Benz E Class, BMW Series 5, Toyota Vellfire และ Toyota Alphard ดึงแบรนด์ดัง VATANIKA ร่วมดีไซน์ชุดเครื่องแบบสำหรับคนขับ เสริมภาพลักษณ์ความหรูหราเหนือระดับ ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าอีลิท นักธุรกิจ-ผู้บริหาร และนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมหนุนนโยบายรัฐบาลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวและผลักดันให้ไทยกลายเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวแบบลักชัวรีที่มีมูลค่าตลาดกว่า 7.หมื่นล้าน

นางสาวเมธิณี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารคนขับ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “การพัฒนาบริการให้ครอบคลุมและตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคในทุกกลุ่มถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของแกร็บ โดยในปี 2567 ที่ผ่านมาเราเห็นเทรนด์ความต้องการใช้บริการเรียกรถในกลุ่มพรีเมียมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสะท้อนผ่านยอดใช้บริการ GrabCar Premium และ GrabCar Luxe ที่เติบโตขึ้นถึง 50%[3]  โดยลูกค้าหลักที่ใช้บริการเหล่านี้คือผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง  สอดคล้องไปกับเทรนด์ของตลาดท่องเที่ยวลักชัวรีที่มีมูลค่าราว 6.– 7.หมื่นล้านบาทและมีอัตราการเติบโตสูงถึง – 10% ต่อปี[4] ผนวกกับอานิสงส์จากกระแสความนิยมของซีรีส์ดังอย่าง The White Lotus ที่คาดว่าจะทำให้การท่องเที่ยวในกลุ่มลักชัวรีมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อตอบรับกับเทรนด์ดังกล่าว ล่าสุดแกร็บจึงได้เปิดให้บริการ GrabExecutive อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นบริการเรียกรถล่วงหน้าระดับพรีเมียม ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก รวมถึงกลุ่มผู้บริหารและนักธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างชาติ”

“เราเริ่มทดลองเปิดให้บริการ GrabExecutive ในกรุงเทพฯ และภูเก็ตในช่วงปลายปีของปี 2567 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้บริการใน กลุ่มหลัก คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวลักชัวรี กลุ่มเอ็กซ์แพทหรือชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย และกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ โดยเฉพาะผู้บริหารและนักธุรกิจ โดยผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จะใช้บริการ GrabExecutive เพื่อจองรถล่วงหน้าในการเดินทางไปสนามบิน ไปทำธุระกับครอบครัว ไปติดต่อเจรจาธุรกิจ รวมถึงไปร่วมงานอีเว้นท์สำคัญที่ต้องการเสริมภาพลักษณ์ให้มีระดับและน่าเชื่อถือ” นางสาวเมธิณี กล่าวเสริม

ไฮไลท์สำคัญของบริการ GrabExecutive ประกอบไปด้วย

  • มีรถหลายรุ่น-ขนาดเพื่อให้บริการ รองรับทุกความต้องการของผู้โดยสาร โดยแบ่งเป็น ประเภท ได้แก่
  • Lite: ให้บริการด้วยรถตู้รุ่น Denza D9, Zeekr 009 และ MG Maxus 9 ในราคา 2,500 บาท
  • M: ให้บริการด้วยรถยนต์ซีดานรุ่น MercedesBenz EClass, BMW Series 5 ในราคา 2,500 บาท
  • L: ให้บริการด้วยรถตู้รุ่น Toyota Vellfire และ Toyota Alphard ในราคา 3,400 บาท

ยกระดับบริการด้วยมาตรฐานที่เหนือระดับ โดยคนขับที่ให้บริการ GrabExecutive ต้องผ่านการอบรมหลักสูตรเฉพาะเพื่อเรียนรู้การให้บริการและการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าลักชัวรี พร้อมเสริมภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพให้กับคนขับด้วยชุดเครื่องแบบที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชั้นนำอย่าง VATANIKA นอกจากนี้ ยังเพิ่มความพิเศษในการให้บริการด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำแร่ และ Onboard WiFi ให้ใช้บริการตลอดการเดินทาง

วางแผนการเดินทางได้ตามความต้องการ โดยบริการ GrabExecutive เปิดให้จองรถล่วงหน้าได้สูงสุดถึง 90 วัน หรืออย่างน้อย ชั่วโมงก่อนการเดินทาง (สามารถยกเลิกได้ 90 นาทีก่อนเวลาที่จองไว้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย) พร้อมให้บริการส่งผู้โดยสารได้สูงสุด จุด ภายในระยะเวลาไม่เกิน ชั่วโมง (หรือในระยะทาง 60 กิโลเมตร) ในราคาเดียวตลอดการเดินทาง (รวมค่าทางด่วนหรือโทลเวย์)


พิเศษ! สำหรับผู้ใช้บริการ 
GrabExecutive รับส่วนลด 20% เพียงใส่โค้ด ‘EXEC20

เกี่ยวกับ แกร็บ

แกร็บ (Grab) คือ ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งให้บริการทั้งด้านเดลิเวอรี บริการการเดินทางและบริการทางการเงินดิจิทัล ครอบคลุมกว่า 700 เมืองใน ประเทศ อันได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ในทุกๆวันแกร็บได้ช่วยอำนวยความสะดวกผู้คนนับล้านให้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ภายในแอปพลิเคชันเดียว ไม่ว่าจะเป็น การสั่งอาหาร การสั่งซื้อสินค้าและของชำ การจัดส่งพัสดุเอกสาร การเรียกรถรับ-ส่งหรือแท็กซี่ ไปจนถึงการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ ทั้งการขอสินเชื่อและการทำประกัน ทั้งนี้ แกร็บก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2555 ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งขับเคลื่อนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปข้างหน้า ผ่านการสร้างโอกาสและส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับทุกคน และยึดมั่นเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่งให้กับผู้ถือหุ้น ควบคู่ไปกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมทั่วทั้งภูมิภาค

Comments

comments