มาเลเซียได้เปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญ จากเดิมที่ให้รัฐดำเนินการพัฒนาเครือข่าย 5G เพียงรายเดียว ผ่านบริษัท Digital Nasional Berhad (DNB) มาสู่แนวทางเปิดเสรีมากขึ้น ด้วยการประกาศให้มีผู้ให้บริการเครือข่าย 5G รายที่สองในประเทศ โดยมี U Mobile เป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการ พร้อมจับมือ Huawei และ ZTE ยักษ์ใหญ่จากจีน ร่วมพัฒนาโครงข่าย 5G ทั่วมาเลเซีย

แนวทางใหม่นี้สอดคล้องกับนโยบาย “Dual 5G Network” ที่รัฐบาลมาเลเซียประกาศใช้ในปี 2023 โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดการผูกขาด และ ส่งเสริมการแข่งขัน ในตลาดโทรคมนาคม หลังจากก่อนหน้านี้ DNB ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ได้รับสิทธิ์พัฒนาและบริหารโครงข่าย 5G เพียงรายเดียว

ล่าสุด คณะกรรมการการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) ได้เลือก U Mobile เป็นผู้ดำเนินการเครือข่าย 5G แห่งที่สองของประเทศ โดยมีแผนแบ่งพื้นที่พัฒนาโครงข่ายร่วมกับ Huawei และ ZTE ดังนี้:

  • Huawei รับผิดชอบการติดตั้งในเขต มาเลเซียตะวันตก (West Malaysia)

  • ZTE ดูแลพื้นที่ มาเลเซียตะวันออก (East Malaysia)

U Mobile ตั้งเป้าให้เครือข่ายใหม่นี้ครอบคลุมพื้นที่ที่มีประชากรอย่างน้อย 80% ภายใน 12 เดือนแรก และ 90% ภายในปีถัดไป โดยเครือข่ายใหม่นี้จะเป็น 5G Standalone (SA) ตั้งแต่เริ่มต้น และยังรองรับ 5G-Advanced และ Network Slicing เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ

ด้านแหล่งเงินทุน U Mobile ระบุว่า จะใช้เงินลงทุน หลายพันล้านริงกิตมาเลเซีย จากหลายช่องทาง ทั้งจากธนาคาร, นักลงทุน และอาจรวมถึง การเสนอขายหุ้น (IPO) ในอนาคต

การเปลี่ยนทิศทางในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลมาเลเซียในการ ยกระดับการแข่งขัน ลดต้นทุน และยกระดับคุณภาพการให้บริการ ด้านการสื่อสารให้แก่ประชาชน พร้อมเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต

นอกจากนี้ ยังเป็นการ ตอบรับเสียงเรียกร้องจากโอเปอเรเตอร์รายอื่น ที่ต้องการให้เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียม และเป็นการส่งเสริม นวัตกรรมและเทคโนโลยีในประเทศ ไปพร้อมกัน

Comments

comments