อะโดบี (Nasdaq:ADBE) เปิดงาน Adobe Summit 2021 ซึ่งเป็นการประชุมเกี่ยวกับ Digital Experience ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นส่งผลให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกต้องปรับเปลี่ยนไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นดิจิทัลเป็นหลัก (Digital-first Economy) ภายในเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่ระบบดิจิทัลกลายเป็นช่องทางหลักที่ผู้คนทั่วโลกใช้ในการติดต่อสื่อสาร ทำงาน เรียนรู้ และสนุกกับความบันเทิง อีคอมเมิร์ซทั่วโลกยังคงมีอัตราการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยยอดขาย 876 พันล้านดอลลาร์ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2564 (เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว) และคาดว่าจะแตะระดับ 4.2 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับปีนี้ ในการประชุมดังกล่าว อะโดบีได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ บน Adobe Experience Cloud พร้อมด้วยแอปพลิเคชันระดับองค์กรใหม่ล่าสุด Adobe Journey Optimizer และ Adobe Customer Journey Analytics, Next-Gen Real-time Customer Data Platform (CDP) และ Marketing System of Record ที่บูรณาการเข้ากับ Workfront และฟีเจอร์ใหม่ๆ บน Adobe Experience Platform ที่รองรับการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคลแบบเรียลไทม์ได้อย่างครอบคลุม (Personalization at scale) พร้อมกันนี้ อะโดบียังได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่สำหรับคอนเทนต์และการค้าแบบอัจฉริยะ รวมถึงความร่วมมือกับ FedEx
อัลเบิร์ต บูร์ล่า ซีอีโอของ Pfizer และราเจช ซูบรามาเนียม ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ FedEx จะร่วมนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตสำหรับการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้ ดาร่า เทรเซเดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Peloton, เดบอร่าห์ วอห์ล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ General Motors, ลาร่า บาลาซ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Intuit, ราจา ราจามานนาร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Mastercard, มิแชล เปลูโซ่ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าของ CVS Health, คริส รัปป์ รองประธานบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าและดิจิทัลของ Albertson, ศรี ศรีธราราช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Sephora, เท็ด โดเฮนี่ ประธานบริษัทและซีอีโอของ Sealed Air รวมถึงโจนาธาน แอดเลอร์ บุคคลสำคัญในวงการออกแบบ และเซเรน่า วิลเลียมส์ แชมป์เทนนิสและเจ้าของธุรกิจ จะร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้ประสบความสำเร็จในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล นอกจากนี้ แดน เลวี่ นักเขียน นักแสดง และผู้กำกับชื่อดัง จะทำหน้าที่เป็นพิธีกรในช่วง “Sneaks” เพื่อสำรวจเบื้องหลังการสร้างสรรค์นวัตกรรมของอะโดบี ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมการประชุม Summit ผ่านเว็บ เพื่อรับชมการสัมมนา และพูดคุยกว่า 400 รายการ ติดต่อกับบุคลากรในแวดวงเดียวกัน หรือสนทนาแบบไลฟ์สดกับผู้เชี่ยวชาญของอะโดบี
อานิล ชากราวาร์ที รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายธุรกิจประสบการณ์ดิจิทัลและการปฏิบัติการภาคสนามทั่วโลกของอะโดบี กล่าวว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่แบรนด์ต่างๆ จะต้องมุ่งเน้นการจัดการประสบการณ์ลูกค้าอย่างชัดเจน Adobe Experience Cloud พร้อมด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เปิดตัวในวันนี้จะช่วยให้องค์กรธุรกิจมีความเข้าใจและใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น และสามารถนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลที่ดีที่สุดภายในเวลาอันรวดเร็วและครอบคลุม”
Adobe Experience Platform ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
หากไม่มีระบบจัดการข้อมูลที่แข็งแกร่ง บริษัทต่างๆ ก็จะไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับลูกค้าในแบบเรียลไทม์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ Adobe Experience Platform ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของ Adobe Experience Cloud ทำหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลจากส่วนต่างๆ ทั่วทั้งองค์กร เพิ่มรายละเอียดให้กับข้อมูลดังกล่าวโดยใช้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า และผสานรวมข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้างโปรไฟล์ลูกค้าแบบเรียลไทม์ที่สมบูรณ์มากขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า ปัจจุบัน Adobe Experience Platform ขับเคลื่อนแอปพลิเคชัน Adobe Experience Cloud และรองรับการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคลแบบเรียลไทม์ตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม (Personalization at scale) โดยทำการประเมินเพื่อแบ่งเซ็กเมนต์กลุ่มเป้าหมายกว่า 17 ล้านล้านครั้งต่อวัน
นวัตกรรมใหม่ใน Adobe Experience Cloud
Adobe Experience Cloud, which is used by 75% of Fortune 100 companies today, is powering Customer Experience Management (CXM) for B2B and B2C companies with applications focused on customer journey management, data insights and audiences, content and personalization, commerce and marketing workflows.Innovations to help businesses accelerate their digital transformation include:
Adobe Experience Cloud ซึ่งถูกใช้งานโดย 75% ของบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ติดอันดับ Fortune 100 ทำหน้าที่ขับเคลื่อนการจัดการประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience Management – CXM) สำหรับบริษัทที่ทำธุรกิจแบบ B2B และ B2C โดยมุ่งเน้นการจัดการ customer journey ข้อมูลเชิงลึกและกลุ่มเป้าหมาย คอนเทนต์และการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคล เวิร์กโฟลว์ด้านการค้าและการตลาด นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจเร่งการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) มีดังนี้:
• New Adobe Journey Optimizer: ผู้บริโภคต้องการติดต่อสื่อสารกับแบรนด์ในแบบเฉพาะบุคคลและสอดคล้องกับความต้องการของพวกเขาในทุกขั้นของ journey แต่แบรนด์ต่างๆ ยังคงประสบปัญหาการนำเสนอประสบการณ์ที่ลูกค้าต้องการในแบบเรียลไทม์ และไม่ครอบคลุม แอปพลิเคชันใหม่ Adobe Journey Optimizer ซึ่งสร้างขึ้นบน Adobe Experience Platform เป็นแอปพลิเคชันระดับองค์กรในอุตสาหกรรมเพียงหนึ่งเดียว ที่จะช่วยให้นักการตลาดสามารถปรับแต่ง customer journey ที่ครอบคลุมทุกช่องทางทั้งแบบ Outbound และ Inbound ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถตรวจสอบสัญญาณจากลูกค้า และใช้การตัดสินใจแบบอัจฉริยะเพื่อคาดการณ์ และนำเสนอ journey ที่ครอบคลุมและตรงความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด โดยมีการผสานรวมแนวทางการตลาดแบบ Outbound Marketing และ One-on-one engagement
• Next Generation Adobe Real-time : เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้นเกี่ยวกับชนิดของข้อมูลที่พวกเขาต้องการแชร์ ขณะที่ข้อมูลคุกกี้ในเบราว์เซอร์ก็กำลังจะหายไป ดังนั้นข้อมูลที่องค์กรเก็บรวบรวมโดยตรง (First-Party Data) จึงกลายเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับนักการตลาดในการสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจได้ร่วมกับลูกค้า Next Generation Adobe Real-time CDP ของอะโดบี เป็นแอปพลิเคชันระดับองค์กรเพียงหนึ่งเดียวที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการ engagement กับลูกค้าโดยอาศัยข้อมูลที่องค์กรเก็บรวบรวมโดยตรง (First-Party Data) โดยวันนี้มีการเปิดตัว Adobe Real-time CDP รุ่น B2B ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงโปรไฟล์บัญชีลูกค้าองค์กร และโปรไฟล์บัญชีลูกค้าบุคคลโดยการทำงานแบบอัจฉริยะ เพื่อช่วยให้บริษัทที่ทำธุรกิจแบบ B2B สามารถคิดและดำเนินการได้เหมือนบริษัทที่ทำธุรกิจ B2C ได้
• New Customer Journey Analytics: องค์กรที่ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องใช้แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพื่อรู้จักและทำความเข้าใจลูกค้ามากขึ้น รวมถึงปรับแต่ง engagement อย่างต่อเนื่องเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าในอดีต Customer Journey Analytics เป็นแอปพลิเคชันระดับองค์กรที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถผนวกรวมและกำหนดมาตรฐานสำหรับข้อมูลลูกค้าแบบออนไลน์และออฟไลน์ ช่วยให้ทุกคน (นอกเหนือจาก Data Scientists) สามารถเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าว แสดงผลผ่านมุมมองรอบด้านได้อย่างง่ายดาย และเข้าใจ customer journey ทั้งหมดเพื่อสามารถกำหนดกลยุทธ์การตลาดได้ดีขึ้น
• New Marketing System of Record: โซลูชั่นการจัดการงานจะต้องช่วยให้บริษัทดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการรวมศูนย์การทำงานไว้ในแอปพลิเคชันเดียว เพื่อให้ทีมงานจากฝ่ายต่างๆ สามารถติดต่อ ประสานงาน และทำงานได้จากทุกที่ หลังจากที่อะโดบีได้เข้าซื้อกิจการของ Workfront ล่าสุดอะโดบีได้เปิดพรีวิว Marketing System of Record ที่เป็นแหล่งข้อมูลหนึ่งเดียวในการเชื่อมต่อและจัดการงานต่างๆ ในทุกขั้นตอน Marketing Lifecycle ตั้งแต่การกำหนดกลยุทธ์และการวางแผน ไปจนถึงการดำเนินการและการประเมินผล
• นวัตกรรมใน New Adobe Experience Manager: นวัตกรรมใหม่ๆ ใน Adobe Experience Manager ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถสร้าง จัดการ และปรับแต่งคอนเทนต์ได้อย่างฉับไวเพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง โดยนวัตกรรมที่ว่านี้ได้แก่ Headless Content Management System (CMS) ซึ่งนำเสนอคอนเทนต์ที่น่าสนใจในรูปแบบของข้อมูลบน API และใช้เทคโนโลยี AI ในการทำคอนเทนต์อัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมี Adobe Experience Manager Assets Essentials ซึ่งเป็นฟีเจอร์การจัดการแอสเซ็ทมาตรฐานในทุกแอปพลิเคชันบน Adobe Experience Cloud และสามารถตั้งค่าได้อย่างสมบูรณ์เพื่อการเข้าถึงคอนเทนต์ที่ดีที่สุด
• ความสามารถใหม่ๆ ของ Adobe Commerce: บริษัทต่างๆ ต้องพึ่งพาดิจิทัลคอมเมิร์ซเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นช่องทางหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ ฟีเจอร์แนะนำสินค้าใน Adobe Commerce ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Adobe Sensei จะช่วยให้ลูกค้าได้พบสินค้าที่สอดรับกับความต้องการ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Live Search ที่แสดงผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องภายในเวลาอันรวดเร็ว และสามารถค้นหาสินค้าบนเว็บไซต์ของผู้ค้า พร้อมกันนี้ อะโดบีได้ร่วมมือกับ FedEx ช่วยให้ผู้ค้าบนแพลตฟอร์ม Adobe Commerceสามารถผนวกรวมหน้าร้านของตนเองเข้ากับ ShopRunner เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้แก่ผู้บริโภค เช่น บริการจัดส่งฟรีภายในสองวัน การชำระเงิน การส่งคืนสินค้าอย่างง่ายดาย และการเข้าถึงข้อมูลโลจิสติกส์หลังการซื้อของ FedEx
• บริการใหม่ Adobe Experience Platform Collection Enterprise: บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคแบบเรียลไทม์เพื่อทำการตัดสินใจที่จะส่งผลกระทบต่อ real-time experiences อย่างครอบคลุม การเก็บรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมลูกค้านับเป็นงานที่ยุ่งยาก ทั้งยังจัดการได้ยาก และแนวทางแบบเดิมๆ ก็มักจะทำให้แอปพลิเคชันทำงานได้แย่ลง และส่งผลเสียต่อประสบการณ์ของลูกค้า บริการใหม่Collection Enterprise ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถใช้เครือข่าย Edge ประสิทธิภาพสูงของอะโดบีซึ่งครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อรวบรวมข้อมูลและส่งข้อมูลนั้นไปที่ใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มของอะโดบี หรือระบบอื่นใดก็ตาม และยังมี SDK สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้แอปพลิเคชันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
อ่าน: 1,609
Comments
comments