ย้อนกลับไปเมื่อระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนของกรุงเทพฯ ได้เปิดให้บริการในปลายปี 2542 หลายคนอาจคาดไม่ถึงต่อผลที่เกิดขึ้นต่อการดำรงชีวิตในเมืองของเรา แน่นอนว่าการสัญจรในเมืองสะดวกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันพัฒนาการของระบบขนส่งมวลชนยังเป็นตัวเร่งให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจเมืองในทุกแห่งหน ช่วยให้เด็กๆ เดินทางไปโรงเรียนได้เร็วขึ้น เปิดประตูสู่สถานที่ใหม่ๆ ให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจเล็กใหญ่ ในขณะเดียวกันยังช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการเดินทางให้กับโลกใบนี้อีกด้วย
เมื่อการปรับเปลี่ยนสู่สังคมเมืองขยายตัว และจำนวนประชากรในเมืองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลต่อกำลังของโครงสร้างสาธารณูปโภคในปัจจุบัน ข่าวดีก็คือเมืองของเรายังคงเดินหน้าพัฒนาระบบขนส่งมวลชนรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา และไม่ได้มีเพียงเส้นทางใหม่ๆ เท่านั้นที่ได้รับการพัฒนา แต่ยังคงรวมถึงระบบการรับชำระเงินเบื้องหลังที่จัดว่าเป็นเครื่องยนต์การขับเคลื่อนประสบการณ์การเดินทางที่สำคัญ ด้วยการยกเครื่องใหม่ในครั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถใช้บัตรเครดิตที่มีอยู่แล้วเพื่อชำระค่าโดยสารที่ประตู ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวเพื่อเติมเงิน และที่สำคัญที่สุดเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น
ล่าสุด วีซ่า ได้ร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด (มหาชน) (BEM) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อนำเทคโนโลยีระดับโลกมาใช้ในรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ซึ่งหมายความว่าผู้โดยสารสามารถใช้บัตรเครดิตประเภทคอนแทคเลสของตนเอง “แตะเพื่อจ่าย” ที่ประตูทางเข้า ซึ่งนอกจากจะทำให้การชำระเงินเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยแล้ว ยังช่วยขจัดขั้นตอนในการเข้าคิวเพื่อซื้อตั๋ว หรือเติมเงินในบัตรโดยสารทุกเดือนอีกด้วย และนี่เป็นก้าวสำคัญที่ยกระดับให้กรุงเทพฯ มีความทันสมัยทัดเทียมกับมหานครของโลกอย่าง ลอนดอน นิวยอร์ก ดูไบ ซิดนีย์ และสิงคโปร์ และอีกมากกว่า 500 โปรเจกต์ในหัวเมืองชั้นนำทั่วโลกให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางได้อย่างไร้รอยต่อ
เมื่อพูดถึงการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัล ประเด็นที่ต้องเน้นย้ำคือเรื่องความปลอดภัย ในรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินและม่วงนี้ใช้โซลูชั่นการชำระเงินแบบดิจิทัลของวีซ่าที่มีชื่อว่า Cybersource ซึ่งหนึ่งในฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยหลักคือระบบโทเค็น ซึ่งเป็นระบบการปกก้อง และจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ปลอดภัยตามมาตราฐานสูงสุดของวีซ่า กล่าวคือเมื่อผู้โดยสารแตะบัตรเครดิตลงบนที่อ่านบัตรบนประตู ระบบจะแปลงตัวเลข 16 หลักบนบัตรเป็นรหัสโทเค็น (เช่น จาก 4123 5678 9101 2131 เป็น 0001 1001 1100 0011) เพื่อใช้ในการชำระเงิน ซึ่งระบบโทเค็นนี้เป็นเกราะป้องกันชั้นเลิศที่ป้องกันไม่ให้ข้อมูลของผู้ถือบัตรถูกนำไปใช้ได้ ไม่เพียงเท่านั้นเพื่อเสริมความปลอดภัยอีกขั้นไม่ว่าจะเป็น รฟม. และธนาคารกรุงไทยเองก็ไม่เก็บข้อมูลบัตรเครดิตเอาไว้ได้ นับเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงความปลอดภัยอย่างแท้จริง
บทความ โดย สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย