ความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าของไทยในปี 2566 มีแนวโน้มอยู่ที่ 5.8 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้น 7.0% จากปี 2565 โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ที่ระดับ 86.0% และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 ตามการฟื้นตัวของภาคการผลิต การส่งออก และการเติบโตของธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ
ที่ผ่านมาคลังสินค้าในประเทศไทยเปลี่ยนผ่านจากยุคที่ใช้แรงงานเข้มข้น มาสู่ยุคที่ใช้เครื่องจักรมาช่วยในการทำงาน และก้าวสู่ยุคของคลังสินค้าอัตโนมัติในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพิ่มความแม่นยำ ลดต้นทุนด้านแรงงาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้น
ระบบอัตโนมัติของคลังสินค้าได้กลายเป็นส่วนสำคัญของคลังสินค้ายุคใหม่ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต ตั้งแต่ระบบการจัดวางอัตโนมัติโดยหุ่นยนต์ ไปจนถึงการดึงสินค้าอัตโนมัติ คลังสินค้ากำลังก้าวสู่ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ แม้คลังสินค้าอัตโนมัติจะเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีปฏิบัติการ เซ็นเซอร์ และซอฟต์แวร์ที่ช่วยดำเนินการเป็นจำนวนมาก แต่คลังสินค้าอัตโนมัติก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ในการผนวกรวมเทคโนยีเหล่านั้นให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้แน่ใจว่า กระบวนการอัตโนมัติทั้งหลายยังคงทำงานได้อย่างดี ไม่มีบกพร่อง รวมถึงระบบที่ช่วยติดตามตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระบวนการอัตโนมัติกำลังทำงานอยู่ โดยเฉพาะการรวมศูนย์ข้อมูลในคลังสินค้าและรายงานบนหน้าจอเดียว เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ต่างๆ จะอยู่ในสถานะที่ดีที่สุดอยู่เสมอ
ในคลังสินค้าอัตโนมัติมีอุปกรณ์อยู่มากมาย ซึ่งแบ่งออกได้เป็นอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) อุปกรณ์เทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ (OT) และระบบจัดการคลังสินค้า หรือ warehouse system ที่ครอบคลุมซอฟต์แวร์ที่ช่วยจัดการคลังสินค้า สินค้าคงคลัง ซัพพลายเชน และซอฟต์แวร์ควบคุมคลังสินค้า
แม้ว่าการทำงานในพื้นที่คลังสินค้าอัตโนมัติเชื่อมต่อถึงกันผ่านเครือข่ายออนไลน์ เริ่มจากการทำงานของอุปกรณ์ IT เช่น คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่าย รวมถึง สวิทซ์ชิ่ง เราทเตอร์ ไฟร์วอลล์ เครื่องพิมพ์ ฯลฯ และอุปกรณ์ OT เช่น ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์สำหรับการตรวจสอบและควบคุมสภาพแวดล้อมทางอุตสาหกรรม รวมถึงอุปกรณ์พิเศษ เช่น PLC (Programmable logic controllers) คอมพิวเตอร์อุตสาหกรรม เครื่องจักร โรบอท ยานพาหนะ รวมถึงระบบ SCADA และระบบ DCS (Distributed Control Systems)
สำหรับคลังสินค้าอัตโนมัติระบบ IT และ OT จะออนไลน์ทั้งคู่และมีระบบติดตามตรวจสอบการทำงาน แต่บ่อยครั้งมักพบว่า การทำงานของทั้งสองระบบมักจะทำงานแยกจากกันโดยมีทีมผู้ดูแลระบบที่แยกกันทำหน้าที่ ทำให้บ่อยครั้งที่คลังสินค้าอัตโนมัติ ไม่สามารถให้ภาพรวมของคลังสินค้าอัตโนมัติทั้งระบบได้ ทางที่เหมาะสมคือ การเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบของ OT ไปสู่ระบบ IT และสภาพแวดล้อมทางไอที อาจจะเป็นระบบ ERP หรือ SAP นั่นทำให้เรามีข้อมูลภาพรวมในการติดตามตรวจสอบของทั้งระบบ
เมื่อผู้บริหารต้องการมอนิเตอร์สถานะ โดยรวมของคลังสินค้าแต่ละแห่ง หรือคลังสินค้าหลายแห่งพร้อมกันว่ายังทำงานได้มีประสิทธิภาพตามที่ต้องการหรือไม่ จึงสามารถทำได้ด้วยระบบติดตามตรวจสอบอุปกรณ์ทุกอย่างไว้ในที่เดียวบนแดชบอร์ดเดียวกัน
สำหรับการตรวจสอบสภาพในคลังสินค้า เช่นเดียวกับในโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องจักรและมอเตอร์มีบทบาทสำคัญในระบบอัตโนมัติของคลังสินค้า ลองนึกถึงมอเตอร์บนสายพานลำเลียง แขนกล หุ่นยนต์หยิบสินค้าอัตโนมัติ เรากำลังพูดถึงระบบที่มีความซับซ้อนที่ต้องการประสิทธิภาพ และความแม่นยำไม่น้อยกว่ากระบวการผลิต ดังนั้นการตรวจสอบสภาพของเครื่องจักรให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอจึงเป็นกุญแจสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องจักรทำงานได้ต่อเนื่อง โดยไม่ต้องหยุดทำงานจากสาเหตุที่ไม่จำเป็น การตรวจสอบสภาพเป็นการวัดข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องจักร โดยปกติจะใช้เซ็นเซอร์ IIoT แล้วเปรียบเทียบข้อมูลนั้นกับแนวโน้มในอดีตและข้อมูลอื่นๆ เพื่อคาดการณ์ว่าจะต้องเข้าซ่อมบำรุงเครื่องจักรเมื่อใด
นอกจากนี้ระบบอัตโนมัติในคลังสินค้าอาศัยเครือข่ายในการสื่อสารเป็นอย่างมาก และในคลังสินค้าสมัยใหม่ มักใช้เครือข่ายไร้สายในการเชื่อมโยงการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเครือข่ายไร้สายในคลังสินค้าอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ต้องติดตามตรวจสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าเครือข่ายไร้สายยังทำงานได้อย่างต่อเนื่องและสมบูรณ์ ซึ่งแน่นอนว่าคุณสามารถตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายไร้สายได้ โดยใช้ฟังก์ชันทั่วไป เช่น SNMP หรือ REST API ที่มีอยู่ใน Paessler รวมถึงคุณยังสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้อีกด้วย
แน่นอนว่าเป้าหมายของการติดตามตรวจสอบในคลังสินค้าอัตโนมัติ คือ ความต้องการในการนำข้อมูลการติดตามตรวจสอบทั้งหมดในคลังสินค้ามาอยู่ที่เดียวเพื่อดูภาพรวมของทุกสิ่งด้วย PRTG ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถดูความสมบูรณ์ของเครือข่ายไอทีและส่วนประกอบที่มีความสำคัญต่อกระบวนการอัตโนมัติได้ในที่เดียวอย่างรวดเร็ว รวมถึงการตั้งค่าเพื่อเรียกใช้การแจ้งเตือนและการแจ้งเตือนเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
และหากคุณมีคลังสินค้าในหลายสถานที่ สิ่งสำคัญคือต้องรวบรวมข้อมูลการตรวจสอบจากแต่ละแห่งไว้ในแดชบอร์ดเดียว เพื่อให้คุณสามารถดูสถานภาพและสถานะของคลังสินค้าแต่ละแห่งได้ทันที ซึ่งโซลูชันนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นเมื่อคุณต้องดูแลคลังสินค้าอัตโนมัติหลายๆ แห่ง ซึ่ง PRTG สามารถช่วยติดตามตรวจสอบภาพรวมนั้นได้ผ่าน remote probes ที่สามารถติดตั้งที่คลังสินค้าแต่ละแห่ง ซึ่งจะช่วยในการส่งข้อมูลการติดตามตรวจสอบไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ PRTG
โดย เฟลิกซ์ เบิร์นดท์ ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Paessler
อ่าน: 1,110
Comments
comments