6 กันยายน 2562 – ดีแทค แอคเซอเลอเรท ปี 7 ประกาศผลผู้ชนะเลิศ Best Performing Startupในงานเดโมเดย์ บนเวที pitching ที่สำคัญที่สุดของโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพอันดับ 1 ในประเทศไทย คว้า 3 รางวัลใหญ่ร่วมงาน Tech conference สำหรับสตาร์ตอัพที่ดีที่สุดในโลก โดยมีนายธีโบ จีราร์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานกลยุทธ์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และนายสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ ดีแทค แอคเซอเลอเรท พร้อมด้วยพันธมิตรผู้สนับสนุนรางวัล ร่วมแสดงความยินดี โดยมี 5 ทีม ที่ได้รับรางวัลในงานคือ
- ทีมลิง รับรางวัล TechCrunch Disrupt, San Francisco USA งาน Tech conference ที่จัดขึ้นใจกลางจุดกำเนิดของ startup ที่ San Francisco
- ทีมเวียบัส และทีม ฟินแก๊ส รับรางวัล Web Summit, Lisbon, Portugal งาน Tech conference ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 70,000 คน
- ทีมอรินแคร์ รับรางวัล LINE Developer Day, Tokyo, Japan งานที่ LINE จัดขึ้นเพื่อ showcase เทคโนโลยีใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นกับ LINE และการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาช่วยพัฒนาต่อยอดเข้ากับบริษัทและสตาร์ทอัพต่างๆ
- ทีมอรินแคร์ รับรางวัล Popular vote award – ได้รับที่นั่ง Hot seat จำนวน 5 ที่นั่งเป็นเวลา 6 เดือนฟรีที่ WeWork
นายสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการดีแทค แอคเซอเลอเรท กล่าวว่า สตาร์ทอัพที่ได้รางวัลในปีนี้ มุ่ง “แก้ปัญหาสังคมคู่พัฒาธุรกิจ” (Growth with impact) ผ่านเทคโนโลยีขั้นสูง (deep technology) เข้ามาประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI อินเทอร์เน็ตสรรพสิ่งหรือ IoT บล็อกเชน ครอบคลุมปัญหาสาธารณสุข-การเงิน-แรงงาน-การขนส่งสาธารณะ ดึงความสนใจนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศร่วมงานกว่า 250 ราย ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากสู่ดิจิทัล ภายใต้แนวคิด “Pride of Thailand”
ดีแทค แอคเซอเลอเรท ร่วมสร้างระบบนิเวศน์สตาร์ทอัพไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินมาถึงปีที่ 7 มีสตาร์ทอัพเข้าร่วมโครงการจำนวนทั้งสิ้น 60 บริษัท มูลค่ารวมเกือบ 7 พันล้านบาท มีอัตราประสบความสำเร็จถึง 70% ดึงเม็ดเงินระดมทุนจากนักลงทุนไทยและต่างชาติรวมกว่า 1,200 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้รับเลือกจากบริษัทเทคแถวหน้าของโลกอย่าง Google และ Facebook เพื่อเป็นพันธมิตรหนึ่งเดียวจากประเทศไทย ในการเข้าร่วมโครงการ Google developer Launchpad และ FB Start ซึ่งถือเป็นที่ภาคภูมิใจของทั้งดีแทคและประเทศไทยต่อการได้รับความยอมรับในระดับนานาชาติ
“แนวโน้มที่เกิดขึ้นในระบบนิเวศน์สตาร์ทอัพไทยถือเป็นพัฒนาการที่ดีทั้งต่อธุรกิจสตาร์ทอัพและสังคมโดยรวม เนื่องจากขนาดของปัญหาเหล่านั้นมีขนาดใหญ่ ซึ่งหมายถึงขนาดของตลาดและโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นเช่นกัน สอดคล้องกับแนวโน้มของธุรกิจในโลกปัจจุบันที่ก้าวเข้าสู่การ “สร้างคุณค่าร่วม” (Creating shared value) ระหว่างสตาร์ทอัพเอง ภาคธุรกิจและสังคมโดยรวม ”