ในโอกาสฉลองก้าวสู่ปีที่ 17 สถานีข่าวทีเอ็นเอ็น จัดงานสัมมนา “Accelerate Thailand ขับเคลื่อนไทยไปเชื่อมโลก” เดินหน้าผลักดัน และส่งเสริมความรู้ด้านเศรษฐกิจการเงินการลงทุนอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจุดยืนสถานีข่าวคุณภาพอันดับหนึ่งที่ “ทันโลก ทันเศรษฐกิจ ทันทุกความจริง” เชิญผู้นำจากองค์กรระดับประเทศ และหน่วยงานสำคัญของไทย ร่วมนำเสนอวิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก โดยได้รับเกียรติจาก นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย นิวส์ เน็ตเวิร์ค (ทีเอ็นเอ็น ช่อง 16) จำกัด เป็นประธานกล่าวเปิดงาน

โดยช่วงเช้าจะเป็นการสัมมนาในหัวข้อ “เอกชน-รัฐ ร่วมขับเคลื่อนไทยสู่ฮับโลก” จาก นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มาเผยวิสัยทัศน์ และเปิดยุทธศาสตร์ “ONE FTI” ยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่เวทีโลก พร้อมรับมือความท้าทายยุคใหม่ ด้วยการผลักดัน 12 กลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และยกระดับผู้ประกอบการไทยสู่สมาร์ทเอสเอ็มอี หวังดึงเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศ กลับคืนสู่อันดับต้นๆ ของอาเซียน ทางด้าน ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยถึง “แผนผลักดันให้ไทยเป็นฮับการบิน เชื่อมโยงความต้องการการเดินทางกับทั่วโลก โดยเฉพาะการเชื่อมจีน ยุโรป สหรัฐฯ ซึ่งไทยจะเป็นจุดต่อเครื่องในระดับภูมิภาค เพื่อเร่งพัฒนาศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยการเปิดรันเวย์ที่ 3 และสร้างอาคารผู้โดยสาร ในวงเงินลงทุนประมาณ 1.2 แสนล้านบาท และการสร้างรันเวย์ที่ 4 เพื่อรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นเฉลี่ย150 ล้านคนต่อปี โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2574-2575”

ขณะที่ นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวว่า “ขอเป็นตัวแทนกลุ่มเกษตรในการขับเคลื่อนไทยไปเชื่อมโลก ซีพีเอฟมาจากสตาร์ทอัป เกิดมาจากบริษัทห้องแถว ฟันฝ่าอุปสรรคจนมาสู่การเป็นบริษัทส่งออกที่ส่งสินค้าไทยไปขายใน 50 ประเทศทั่วโลก และมียอดขายกว่า 6 แสนล้านบาท โดยมีการลงทุนใน 17 ประเทศทั่วโลก ซึ่งการก้าวไปสู่ตลาดโลกของซีพีเอฟนั้นไม่ได้ไปแค่บริษัทเดียว แต่ไปพร้อมกับเอสเอ็มอีกว่า 5,000 บริษัท” ปิดท้ายด้วย ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า “การเข้ามาของเทคโนโลยี ส่งผลกระทบต่อคนไทย และผู้ประกอบการไทย ถ้าเราจะอยู่รอดในยุคเอไอ คนไทยต้องเรียนรู้ด้านทักษะดิจิทัล เพื่อสร้างโอกาสของธุรกิจ ผลักดันให้เติบโตไปสู่ New S-Curve ซึ่งการขับเคลื่อนทักษะดิจิทัล ต้องมีการสร้างหลักสูตรมารองรับ และสิ่งจูงใจให้เกิดการพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น มาตรการทางภาษี นำค่าเรียนด้านดิจิทัลมาลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้น”

สำหรับเวทีสัมมนาภาคบ่าย เป็นการพูดคุยกันต่อกับในหัวข้อ “ปลดล็อกกับดัก : การปรับจุดยืนไทยในโลกที่แบ่งขั้ว” จาก ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา ที่ได้วิเคราะห์สถานการณ์โลกที่กำลังเข้าสู่ยุค “การทวนกระแสโลกาภิวัตน์ (Deglobalization)” อันเป็นผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน วิกฤตโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน” โดยที่ ผศ.ดร.สุรัชนี ศรีใย นักวิจัยอาคันตุกะ สถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษายูซุฟ อิสฮัค กล่าวเสริมว่า “สถานการณ์โลกที่ผันผวนนี้ส่งผลกระทบต่อไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่มีต่อไทย และภูมิภาค” ทางด้าน รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช รองศาสตราจารย์สาขาวิชาเอเชียศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ และนายกสมาคมภูมิภาคศึกษา เสนอแนวทาง “3 ทางเลือกนโยบายต่างประเทศสำหรับไทย คือ การเป็นกลางแบบยืดหยุ่น การเสริมสร้างแกนนอก และการประกาศเป็นศูนย์กลางอาเซียน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการกำหนดผลประโยชน์ของชาติให้ชัดเจน และการแสวงหาความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ทั้งใน และนอกภูมิภาค”

นอกจากนี้ ผู้ร่วมงานยังได้ร่วมฟังเสวนาในหัวข้อ “ปรับพอร์ทลงทุนอย่างไรให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลง” นำโดยผู้เชี่ยวชาญ และกูรูการลงทุนแนวหน้าของประเทศไทย อาทิ นายอาทิตย์ จันทร์สว่าง ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ด้านกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) นายกวี ชูกิจเกษม ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์และคอนเทนต์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และนายทิวา ชินธาดาพงศ์ นายกสมาคมนักลงทุนไทย สรุปภาพรวมว่า “โอกาสการลงทุนของไทยหลังจากนี้ มีทิศทางการเติบโตที่ดี ด้วยปัจจัยตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง การลงทุนปีนี้คาดว่าน่าจะแตะไปถึง 8 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีก่อน ขณะที่ในปีหน้าตัวเลขจีดีพีไทย คาดว่าจะกลับเข้ามาเท่าก่อนโควิด กำไรบริษัทจดทะเบียนไทยจะไปโตคู่ขนานด้วยกับเศรษฐกิจ และจะอยู่ในค่าเฉลี่ยของโลก ด้วยมีเม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุภักษ์เข้ามา แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ทิศทางเหล่านี้น่าจะเป็นปัจจัยบวกทำให้หุ้นไทยไปต่อได้”

งานครั้งนี้ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ณ ห้องแกรนด์ ฮอลล์ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ชั้น 3 ฝั่งเวสต์ และได้รับการตอบรับที่ดีมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมฟังสัมมนามากกว่า 500 ที่นั่ง ทั้งนี้ สามารถชมย้อนหลังผ่านเฟซบุ๊ก TNN ช่อง 16 พร้อมติดตามข่าวสารและกิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ทาง TNN ช่อง 16 หรือผ่านช่องทางโซเชียลต่างๆ ของ TNN ได้ทุกช่องทางอีกด้วย

Comments

comments