วันนี้ Vertiv (NYSE: VRT) ผู้ให้บริการระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญและโซลูชันความต่อเนื่องได้เปิดตัว Vertiv™ SmartAisle™ 3 ซึ่งเป็นระบบดาต้าเซ็นเตอร์ไมโครโมดูลาร์ที่ใช้พลังปัญญาประดิษฐ์ (AI) มอบความอัจฉริยะที่ล้ำยิ่งขึ้นและช่วยให้การดำเนินงานภายในสภาพแวดล้อมของดาต้าเซ็นเตอร์มีประสิทธิภาพ โดย SmartAisle™ 3 สามารถกำหนดค่าโหลดทางไอทีทั้งหมดได้สูงสุดถึง 120kW และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในหลากอุตสาหกรรม ได้แก่ การธนาคาร การดูแลสุขภาพ ภาครัฐ และการขนส่ง โดยโซลูชันดังกล่าวมีจำหน่ายแล้วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย…
Vertiv
ลดโลกร้อนพร้อมพลิกโฉมดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หายนะจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนับว่าไม่ได้เป็นประเด็นใหม่แต่อย่างใด จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่รัฐบาลและกลุ่มธุรกิจถูกกดดันเพิ่มขึ้นให้หาวิธีบรรเทาวิกฤตครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งนี้ให้ได้ แต่สิ่งที่จะสามารถทำได้ ณ ตอนนี้ก็คือ การนำมาตรการที่ช่วยประคับประคองสถานการณ์มาใช้ก่อน เช่น การลงทุนในแหล่งพลังงานหมุนเวียน ซึ่งทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถร่วมมือร่วมใจกันทำได้ เช่น ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความต้องการพลังงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 3 % ต่อปีในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยเชื้อเพลิงฟอสซิลถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างมาก โดยองค์กรพลังงานระหว่างประเทศหรือ IEA ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในการใช้พลังงานแบบผสมผสานในภูมิภาค และยังเสริมว่าการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลถือเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนภูมิภาคอีกด้วย ในรายงานฉบับเดียวกันของ IEA ยังระบุว่า ภูมิภาคนี้กำลังเสียความสมดุลการค้าพลังงานลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีความต้องการเชื้อเพลิงฟอสซิลแซงหน้าการผลิตในท้องถิ่น ดังนั้นเราควรเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนและพลังงานที่ยั่งยืนให้ได้เร็วขึ้นหากพิจารณาจากเรื่องเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับรัฐบาลทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มุ่งบรรลุแผนระยะยาวเพื่ออนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนยิ่งขึ้น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของดาต้าเซ็นเตอร์ด้วยการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีความต้องการใช้บริการที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลเพิ่มขึ้น เราจึงเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จากข้อมูลของ Kearney ตลาดโคโลเคชั่นของดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคนี้คาดว่าจะเติบโต 16.5% ในช่วงปี 2562 ถึง 2569 โดยมีมูลค่าถึง 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ น่าเสียดายที่ดาต้าเซ็นเตอร์มาพร้อมกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนจำนวนมากอันเนื่องมาจากปริมาณการใช้ไฟฟ้า น้ำที่ใช้ รวมถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนจำนวนมหาศาล ซึ่งหมายความว่าผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการบริการที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม พร้อมทั้งผู้ให้บริการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับความท้าทายในการขยายบริการเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น แต่ก็พยายามหาสมดุลด้วยการนำแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อแก้ไขวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ดังนั้นสิ่งที่เราควรให้ความสนใจก็คือ การเพิ่มประสิทธิภาพในโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว และไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อความท้าทายดังกล่าว ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องให้ความสำคัญในด้านเทคโนโลยี ประสิทธิภาพพลังงานและน้ำ และความยั่งยืนในการดำเนินงาน ขณะเดียวกันก็ต้องทำงานอย่างรวดเร็วและร่วมมือกันเพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงในประเด็นที่มีความจำเป็นมากเป็นพิเศษ ดังนั้นการให้ความสำคัญกับโซลูชันสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีความยั่งยืนจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมาก ความยั่งยืนและการเติบโตเป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ การสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความยั่งยืนบางครั้งอาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแบ่งขั้วที่ผิดพลาด กุญแจสำคัญที่จะทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์เกิดความยั่งยืนโดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพนั้นขึ้นอยู่ที่การวางแผนกลยุทธ์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยทั่วไปแล้ว การออกแบบโซลูชันการทำความเย็นจะต้องดูสภาพอากาศในท้องถิ่นและความพร้อมของทรัพยากร เช่นเดียวกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความสามารถในการปรับขนาด ความน่าเชื่อถือ และการบำรุงรักษา เป็นต้น เราจะสามารถลดต้นทุนด้านพลังงาน เพิ่มความยั่งยืน และใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากมีโครงสร้างพื้นฐานการทำความเย็นอันทรงพลังและเชื่อถือได้ ตัวอย่างเช่น ระบบระบายความร้อน Liebert PEX4 ของ Vertiv ที่ผสานรวมคอมเพรสเซอร์อินเวอร์เตอร์พัดลม EC…
Vertiv เร่งผลิตโซลูชันสวิตช์เกียร์ บัสเวย์ และโมดูลาร์แบบผสานรวมทั่วโลก
วันนี้ Vertiv (NYSE: VRT) ผู้ให้บริการระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญและโซลูชันความต่อเนื่องนั้นได้เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตสวิตช์เกียร์ บัสเวย์ และโซลูชันโมดูลาร์แบบผสานรวม (IMS) ขึ้นไปมากกว่า 100% นับตั้งแต่การเข้าซื้อธุรกิจสวิตช์เกียร์ บัสเวย์ และ IMS ของบริษัท E&I Engineering และ PowerBar Gulf ในเดือนพฤศจิกายน 2564 และคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากขึ้นอีกสองเท่าด้วยแผนขยายธุรกิจภายในสิ้นปี 2568…
Vertiv x Intel สร้างแพลตฟอร์ม Intel® Gaudi®3 AI Accelerator โซลูชันระบายความร้อนด้วยของเหลว
วันนี้ เวอร์ทีฟ (NYSE: VRT) ผู้ให้บริการระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญและโซลูชันด้านความต่อเนื่องได้แถลงว่า เวอร์ทีฟได้ร่วมมือกับบริษัท Intel (Nasdaq: INTC) ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลก เพื่อสร้างสรรค์โซลูชันระบายความร้อนด้วยของเหลวที่จะรองรับการทำงานของตัวเร่งความเร็ว (accelerator) Intel Gaudi3 AI รุ่นใหม่ที่จะมาพลิกโฉมวงการซึ่งมีกำหนดเปิดตัวภายในปี 2567 ด้วยแอปพลิเคชัน AI และระบบคอมพิวติ้งประสิทธิภาพสูงจะปล่อยความร้อนในปริมาณที่สูงกว่า รวมถึงหลายองค์กรต่างเริ่มหันมาใช้โซลูชันการระบายความร้อนด้วยของเหลวมากขึ้น เนื่องจากเป็นตัวเลือกการทำความเย็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม ตัวเร่งความเร็ว Intel Gaudi3 AI จะใช้ทั้งเซิร์ฟเวอร์ระบายความร้อนด้วยของเหลวและระบายความร้อนด้วยอากาศโดยมีโครงสร้างพื้นฐานการระบายความร้อนแบบปั้มสองเฟส (P2P) ของเวอร์ทีฟรองรับ นอกจากนี้โซลูชันระบายความร้อนด้วยของเหลวได้รับการทดสอบด้วยกำลังเร่งสูงสุด 160kW โดยใช้น้ำในโรงงานที่มีอุณหภูมิตั้งแต่ 17°C ถึง 45°C (62.6°F ถึง 113°F) และโซลูชันระบายความร้อนด้วยอากาศได้รับการทดสอบด้วยโหลดความร้อนสูงสุด 40kW ซึ่งสามารถนำไปใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ที่ติดตั้งอยู่ในพื้นที่อากาศร้อนที่อุณหภูมิสูงถึง 35°C (95°F) ได้ และด้วยการใช้โซลูชันการทำความเย็นที่ใช้สารทำความเย็น P2P…
Vertiv : อุตสาหกรรมจะให้ความสำคัญกับการใช้งาน AI และการจัดการพลังงานเป็นพิเศษ
ณ ขณะนี้ กลุ่มธุรกิจต่างต้องการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ประกอบกับมีแรงกดดันจากหลายภาคส่วนให้ลดการใช้พลังงาน ต้นทุน และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งหมดที่กล่าวมานี้อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ในปี 2567 เราจะพบเห็นการใช้งาน AI อย่างแพร่หลาย (ดังที่เวอร์ทีฟได้คาดการณ์ไว้เมื่อสองปีที่แล้ว) พร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานและความท้าทายเรื่องความยั่งยืนที่เกิดขึ้นจากการประมวลผลที่ใช้ AI ทั่วทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งได้ระบุไว้ในรายงานการคาดการณ์แนวโน้มของดาต้าเซ็นเตอร์ปี 2567 จากเวอร์ทีฟ (NYSE: VRT) ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญระดับโลก และโซลูชั่นด้านความต่อเนื่อง คุณ Giordano (Gio) Albertazzi ประธานกรรมการบริหารแห่งเวอร์ทีฟ กล่าวว่า “การที่ AI ได้สร้างผลกระทบต่อความหนาแน่นของดาต้าเซ็นเตอร์และความต้องการใช้พลังงานปลายทางกลายเป็นเรื่องที่ต้องน่าจับตามองในอุตสาหกรรม เราต้องหาวิธีช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ AI ได้ตามต้องการ รวมถึงลดปริมาณการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญที่ต้องอาศัยการประสานงานร่วมกันระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์ ผู้ผลิตชิปและเซิร์ฟเวอร์ และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน” ผู้เชี่ยวชาญของเวอร์ทีฟ ได้คาดการณ์ว่าอาจเกิดสิ่งต่าง ๆ ขึ้นในระบบนิเวศของดาต้าเซ็นเตอร์ในปี 2567 AI ได้สร้างเงื่อนไขสำหรับการสร้างและการปรับปรุงครั้งใหม่ : ปริมาณความต้องการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ในด้านต่าง ๆ ที่กำลังเพิ่มขึ้นได้ส่งผลให้องค์กรต้องเปลี่ยนแปลงการทำงานครั้งใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกแบบเดิมอาจไม่สามารถรองรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่มีความหนาแน่นสูงที่ต้องใช้ AI ในวงกว้างได้อีกแล้ว โดยหลายองค์กรยังขาดโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นที่สามารถระบายความร้อนด้วยของเหลวได้ และในปีหน้า องค์กรจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จะยิ่งตระหนักได้ว่า การใช้มาตรการครึ่ง ๆ กลาง ๆนั้นอาจไม่เพียงพอแล้ว และอาจจะต้องหันไปสร้างระบบขึ้นมาใหม่แทน โดยมีการนำเสนอโซลูชันโมดูลาร์สำเร็จรูปที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งจะทำให้ระยะเวลาการประยุกต์ใช้งานหรือการปรับปรุงเพิ่มเติมขนาดใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและการทำความเย็นขั้นพื้นฐานนั้นสั้นลง ทำให้มีโอกาสใช้เทคโนโลยีและริเริ่มการทำงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การระบายความร้อนด้วยของเหลวสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ AI ซึ่งนำไปใช้ร่วมกับการบริหารจัดการระบายความร้อนด้วยอากาศเพื่อรองรับพื้นที่ติดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งหมด ค้นหาทางเลือกใหม่ ๆ ในการเก็บพลังงาน : เทคโนโลยีและวิธีการเก็บพลังงานรูปแบบใหม่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผสานรวมกับกริดอย่างชาญฉลาดและสามารถลดการสตาร์ทเครื่องกำเนิดไฟฟ้าได้อย่างทันที ระบบเก็บพลังงานแบตเตอรี่(BESS)…
Vertiv เปิดตัว UPS ประหยัดพลังงานและปรับขนาดได้ใช้งานร่วมกับ แบต Li-ion และ VRLA ได้
วันนี้ Vertiv (NYSE: VRT) ผู้ให้บริการระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญและโซลูชันความต่อเนื่องได้เปิดตัว Vertiv™ Liebert ® APM2 ซึ่งเป็นโซลูชันพลังงานสำหรับเครื่องสำรองไฟ (UPS) รุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงานและปรับขนาดได้ โดยระบบ Liebert® APM2 สามารถใช้งานได้กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) และแบตเตอรี่ VRLA ออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัดและปรับขนาดได้ มีกำลังไฟตั้งแต่ 30kW ถึง 600 kW ภายในยูนิตเดียว ช่วยประหยัดพลังงานได้มากเมื่อเทียบกับทางเลือกอื่นที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า และยังสามารถใช้งานร่วมกับยูนิตรุ่นเดียวกันได้สูงสุดถึง 4 ยูนิตเพื่อเพิ่มความจุหรือเพื่อการสำรองไฟ โดยระบบสำรองไฟมี Liebert APM2 ซึ่งได้รับการรับรอง CE ขนาดแรงดันไฟฟ้า 400V มีจำหน่ายในเอเชียแปซิฟิก ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และละตินอเมริกา เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานของ Edge Computing ที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งพื้นที่ตั้งมีจำกัด Liebert APM2 สามารถให้ค่าเอาต์พุตกระแสไฟที่มากขึ้นในพื้นที่ที่เล็กกว่าโซลูชันที่มีความจุที่คล้ายคลึงกัน โดยรุ่น Liebert APM2 ใช้พื้นที่น้อยกว่าถึง 45% เมื่อเทียบกับ UPS รุ่นก่อน อีกทั้ง Vertiv™ Liebert ® APM Liebert APM2 สามารถติดตั้งในแถวแร๊ก ติดกำแพง หรือติดแบบหลังชนหลัง (back-to-back) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน คุณ Kyle Keeper รองประธานอาวุโสฝ่ายระบบไฟฟ้า AC ของ Vertiv Global กล่าวว่า “Vertiv ออกแบบ Liebert APM2 มาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ขนาดกะทัดรัดที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งให้คุณภาพพลังงานที่มีความน่าเชื่อถือและความพร้อมใช้งานไปยังเอดจ์ของเครือข่าย ดังนั้นเครื่องสำรองไฟรุ่นนี้คือโซลูชันทันสมัยที่สามารถรับมือกับความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องปรับปรุงระบบทั้งหมด” Liebert® APM2 สามารถทำงานด้วยประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงในทุกโหมด สูงสุดถึง 97.5% ในโหมด Double Conversion และมีประสิทธิภาพสูงสุดถึง 98.8% เมื่อทำงานในโหมด Dynamic…